วันนี้(8 พ.ค.65) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ กฎกระทรวง กําหนดอัตราเงินสมทบที่รัฐบาลจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคม สําหรับบุคคลซึ่งสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. ๒๕๖๕
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๗ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ และมาตรา ๔๐ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกกฎกระทรวงกําหนดอัตราเงินสมทบที่รัฐบาลจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคม สําหรับบุคคลซึ่งสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. ๒๕๖๔
ข้อ ๒ ให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสําหรับผู้ประกันตนซึ่งจ่ายเงินสมทบเพื่อรับประโยชน์ทดแทนกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ และกรณีตาย ให้แก่ผู้ประกันตน ซึ่งจ่ายเงินสมทบในแต่ละเดือนในอัตรา ดังต่อไปนี้
(๑) ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เดือนละยี่สิบเอ็ดบาท
(๒) ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป เดือนละสามสิบบาท
ข้อ ๓ ให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสําหรับผู้ประกันตนซึ่งจ่ายเงินสมทบเพื่อรับประโยชน์ทดแทนกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย และกรณีชราภาพ ให้แก่ผู้ประกันตนซึ่งจ่ายเงินสมทบในแต่ละเดือนในอัตรา ดังต่อไปนี้
(๑) ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เดือนละสามสิบบาท
(๒) ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป เดือนละห้าสิบบาท
ข้อ ๔ ให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสําหรับผู้ประกันตนซึ่งจ่ายเงินสมทบเพื่อรับ ประโยชน์ทดแทนกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย กรณีชราภาพ และกรณีสงเคราะห์บุตร ให้แก่ผู้ประกันตนซึ่งจ่ายเงินสมทบในแต่ละเดือนในอัตรา ดังต่อไปนี้
(๑) ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เดือนละเก้าสิบบาท
(๒) ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป เดือนละหนึ่งร้อยห้าสิบบาท
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕
สุชาติ ชมกลิ่น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
สำหรับเหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรลดอัตราเงินสมทบ ที่รัฐบาลจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคม สําหรับผู้ประกันตนตามมาตรา ๔๐ เพื่อให้สอดคล้องกับการลดอัตราการจ่ายเงินสมทบของผู้ประกันตนตามมาตรา ๔๐ เป็นระยะเวลาหกเดือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกันตนให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ และสภาพการณ์ทางสังคมในปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จึงจําเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้