ข่าวโควิดวันนี้ ประเด็นที่น่าหนักใจ เบาใจมีอะไรบ้าง อ่านเลย

18 พ.ค. 2565 | 22:11 น.
อัปเดตล่าสุด :18 พ.ค. 2565 | 23:15 น.

ข่าวโควิดวันนี้ ประเด็นที่น่าหนักใจ เบาใจมีอะไรบ้าง อ่านเลยที่นี่มีคำตอบ หมอเฉลิมชัยสรุปสถานการณ์การระบาดระลอก4

ข่าวโควิดวันนี้ยังคงเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากประชาชน ทั้งจำนวนของผู้ติดเชื้อในแต่ละวัน และผู้เสียชีวิต 

 

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า

 

สรุปล่าสุด !! โควิดไทยมี 4 ประเด็นที่เบาใจ และ 4 ประเด็นที่น่าหนักใจ

 

โควิด-19 (Covid-19) ของไทย เมื่อนับถึงปัจจุบันถือเป็นระลอกที่ 4 โดยเกิดจากไวรัสโอมิครอน (Omicron) นับตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นมา

 

จากปัจจัยต่างๆทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ร่วมกันส่งผลให้สถานการณ์โควิด-19 ของไทย ในปัจจุบัน ( 18 พฤษภาคม 2565 ) มีประเด็นล่าสุด สรุปได้ดังนี้

 

ประเด็นที่ทำให้เบาใจ

 

1. อัตราการเสียชีวิตจากโควิดในระลอกที่ 4 ของไวรัสโอมิครอนน้อยกว่าการเสียชีวิตจากไวรัสเดลต้าในระลอกที่ 3 มากถึง 5 เท่าตัว
กล่าวคือ 

 

  • เสียชีวิตจากโอมิครอน 0.20% 
  • จำนวน 7897 ราย 
  • จากผู้ติดเชื้อ 3,853,150 ราย
  • ในขณะที่เดลต้า
  • เสียชีวิต 0.98% 
  • จำนวน 21,604 ราย
  • จากผู้ติดเชื้อ 2,194,572 ราย

2.จำนวนผู้ติดเชื้อ ในระลอกที่ 4 นี้ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญมากถึง 76-84% ได้แก่

 

  • ติดเชื้อแบบ PCR ลดลง 76% 
  • จากวันละ 23,879 ราย
  • เหลือ 5633 ราย
  • ติดเชื้อแบบ ATK ลดลง 88% 
  • จากวันละ 49,494 ราย
  • เหลือ 5652 ราย
  • ติดเชื้อรวมลดลง 84% 
  • จากวันละ 72,478 ราย
  • เหลือ 11,285 ราย

 

ข่าวโควิดวันนี้ ประเด็นที่น่าหนักใจ เบาใจมีอะไรบ้าง

 

 

3.จำนวนผู้ป่วยหนัก ลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง

 

  • โดยผู้ป่วยปอดอักเสบลดลง 45% จาก 2123 ราย เหลือ 1160 ราย
  • ผู้ใส่ท่อช่วยหายใจลดลง 40% 
  • จาก 940 รายเหลือ 568 ราย

 

4.จำนวนผู้รักษาครองเตียงอยู่ในระบบ ลดลง 76%

 

  • จาก 259,126 เตียง 
  • เหลือ 60,883 เตียง
  • ทำให้มีเตียงว่างพร้อมที่จะรองรับอยู่อีก 329,117 เตียง

ประเด็นที่น่าหนักใจ  ได้แก่


1.สถิติผู้ติดเชื้อดังกล่าวข้างต้น เป็นตัวเลขขั้นต่ำที่สุดที่มีการรายงาน ยังไม่รวมตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ติดเชื้อจริงตามธรรมชาติ ซึ่งมีเหตุปัจจัยต่างๆทำให้ไม่มีการรายงานเข้าสู่ระบบเหมือนกันทั่วโลก ประกอบด้วย

 

  • ผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ จึงไม่ได้ไปตรวจ PCR
  • ผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ ก็เลยไม่ตรวจ ATK
  • ผู้ติดเชื้อที่ตรวจด้วย ATK เป็นบวก แต่รักษาตัวเอง จึงไม่ได้รายงานเข้าสู่ระบบ

คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อจริง คิดเป็น 1-5 เท่าของที่มีรายงานทุกวัน

 

2.มีกลุ่มเสี่ยงมาก ที่จะทำให้เกิดการระบาดของโรคได้ คือกลุ่มเด็กอายุน้อยกว่า 5 ขวบ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเลยแม้แต่เข็มเดียว

 

แต่เริ่มมีการเปิดเทอมแล้ว จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน ทั้งจากเหตุไม่มีภูมิคุ้มกัน และลักษณะพฤติกรรมของเด็กอายุดังกล่าว ยากที่จะเว้นระยะห่างทางสังคมและใส่หน้ากากได้ตลอดเวลา


3.เริ่มมีเชื้อสายพันธุ์ใหม่ เป็นสายพันธุ์หลักในต่างประเทศแล้ว กล่าวคือมีสองประเทศที่มีไวรัสสายพันธุ์ BA.4/BA.5 เป็นสายพันธุ์หลักคือแอฟริกาใต้และโปรตุเกส

 

หลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย ได้ยกเลิกการตรวจ PCR สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศที่เป็นต่างชาติ ซึ่งถือว่าเป็นมาตรการที่เหมาะสม

 

เนื่องจากขณะนี้เกือบทุกประเทศทั่วโลก มีไวรัสสายพันธุ์เดียวกันคือ BA.2 ดังนั้นพอยกเลิกตรวจ PCR แม้จะมีหลุดรอดเข้ามาในแต่ละประเทศบ้าง ก็จะเป็นสายพันธุ์เดียวกัน

 

จึงไม่ทำให้เกิดการระบาดที่มากขึ้นกว่าการติดกันเองในประเทศแต่อย่างใด
หากแต่ในสองประเทศดังกล่าวข้างต้น พบสายพันธุ์ BA.4/BA.5 เป็นหลัก จึงควรจะตรวจ PCR นักท่องเที่ยวที่มาจากสองประเทศดังกล่าว


4.โลกมนุษย์เราเริ่มที่จะมีความเสี่ยง อาจพบไวรัสกลายพันธุ์ที่รุนแรง จากรังโรคแห่งใหม่และอาจระบาดไปทั่วโลกได้

 

ได้แก่ประเทศเกาหลีเหนือ เนื่องจากประเทศเกาหลีเหนือเป็นประเทศที่ไม่มีการฉีดวัคซีนเลย เนื่องจากไม่มีการติดเชื้อเลยตลอดสองปี จากการปิดประเทศอย่างสมบูรณ์และถาวร

 

แต่เมื่อมีโควิดหลุดรอดเข้าไปในประเทศ ทำให้มีการระบาดที่รุนแรงมากติดเชื้อนับแสนคน และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

 

ในสถานที่หรือประเทศใดก็ตาม ที่ไม่มีการฉีดวัคซีนเลย และมีผู้ติดเชื้อในระดับเป็นแสนคน จะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่

 

และเมื่อเกิดไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่แล้ว มีการหลุดรอดออกมาจากเกาหลีเหนือ แม้เพียงเคสเดียว แต่ถ้ามีความสามารถในการแพร่ระบาดสูง  ย่อมเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดของไวรัสที่ไม่ใช่สายพันธุ์โอมิครอน

 

ทำให้มีประเด็นที่จะต้องทำความเข้าใจว่า ประเทศไทยมีปัจจัย ที่ทำให้เบาใจได้ 4 ประเด็น

 

คงต้องติดตามกันต่อเนื่องว่า โควิดของไทยและของโลก จะเดินหน้า ออกหัวออกก้อยอย่างไรต่อไป

 

แต่ ณ ปัจจุบัน

 

พอจะเบาใจได้

 

แต่ห้ามประมาทเด็ดขาด