คุณภาพอากาศในรถและการทำความสะอาดระบบแอร์รถยนต์ คือ สิ่งที่ผู้ใช้รถต้องให้ความสำคัญและไม่ควรมองข้าม ไม่เพียงช่วยให้แอร์ในรถเย็นสบายเท่านั้น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของตู้แอร์และคอมเพรสเซอร์แอร์ ลดการสะสมของสิ่งสกปรก ดีต่อสุขภาพของผู้ขับขี่ด้วย
"แอร์รถยนต์"ควรล้างเมื่อไหร่
ควรตรวจเช็กและทำความสะอาดระบบแอร์รถยนต์ คือ ประมาณ 1 ปีขึ้นไปต่อครั้ง หรือทุกๆ 20,000 กิโลเมตรขึ้นไป นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับการใช้งานรถยนต์ของแต่ละคนด้วย เช่น การนำของกินขึ้นมารับประทานบนรถ ปริมาณฝุ่นที่ติดมากับรองเท้า การใช้น้ำหอมดับกลิ่นในรถที่มีลักษณะเป็นเจล มีผลให้ตู้แอร์ตันเร็วขึ้น
สังเกตสัญญาณเตือนรีบนำรถเข้าเช็กระบบแอร์
- แอร์ไม่เย็น อาจเกิดจากท่อแอร์รั่ว มีรอยแตก หรือน้ำยาแอร์น้อยเกินไปฃ
- แอร์มีกลิ่นอับ อาจเกิดจากความชื้นที่สะสมตลอดการใช้งาน
- แอร์เสียงดังผิดปกติ มอเตอร์แอร์หรือคอมเพรสเซอร์อาจมีปัญหา
- มีน้ำหยดในห้องโดยสาร อาจเกิดจากท่อแอร์ตัน
เคล็ดลับดูแลระบบแอร์
-
- เคาะพรมทันทีเมื่อลงจากรถ เนื่องจากพัดลมแอร์มีตำแหน่งอยู่ใกล้กับพรมรองเท้า พัดลมแอร์จะดูดสิ่งสกปรกเข้าไป ทำให้ตู้แอร์ตันเร็วขึ้น
- หลังสตาร์ทรถ ให้เปิดพัดลมแอร์ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที เพื่อไล่ลมร้อน 🌬 จากนั้นจึงค่อยกดปุ่มคอมเพรสเซอร์แอร์ และก่อนดับเครื่องยนต์ ให้ปิดคอมเพรสเซอร์แอร์ก่อน เปิดแต่พัดลมทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที เพื่อไล่ความชื้น
- หากไม่ได้ใช้รถ ให้เปิดหน้าต่างรถยนต์ทุกบาน ให้อากาศถ่ายเทและเป็นการไล่ความชื้นภายในรถ
- เปลี่ยนไส้กรองอากาศแอร์ตามระยะที่ผู้ผลิตรถกำหนดเป็นประจำ เพื่อให้ระบบแอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ที่มา : กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News