นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวถึงการผ่อนคลายมาตรการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่ กทม.ว่าอยู่ที่การพิจารณาของ ศบค.เป็นหลัก แต่ทาง กทม.จะเสนอความเห็นไปว่า สถานการณ์ใน กทม.โควิดเริ่มลดน้อยลง เราคงต้องเริ่มให้ถอดหน้ากาก หรือ 'ถอดแมสก์"ในพื้นที่เปิดโล่ง ในขณะที่เศรษฐกิจก็กำลังเริ่มกลับมา
แต่ทั้งนี้ ขอให้เป็นไปตามหลักการแพทย์เพื่อให้เกิดความมั่นใจ แต่ตนเชื่อว่าสถานการณ์คลี่คลายขึ้น คนก็พร้อม ซึ่งจะนำเรื่องนี้หารือกับ ศบค.อย่างเป็นทางการต่อไป
ส่วนสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ศบค.อนุญาตให้เปิดมาตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.โดยให้เปิดถึงเที่ยงคืน ขณะที่มีข้อเสนอให้ขยายเวลาเปิดจากเที่ยงคืนเป็นตี 2 นายชัชชาติ กล่าวว่า ผ่านมาแล้ว 5 วันยังไม่พบปัญหา
ถ้ามีมาตรการที่ชัดเจน เชื่อว่าผู้ประกอบการก็พร้อมร่วมมือ ตนเชื่อว่าการขยายเวลาในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะผับ บาร์ สวนสาธารณะ เป็นแนวทางที่ดี ช่วยลดความหนาแน่น เพราะถ้าเรากำหนดเวลาสั้น หรือไม่ให้ทำกิจกรรม ก็จะยิ่งทำให้คนหนีไปทางอื่น คนจะหนาแน่นมากขึ้น
สมัยที่ร้านอาหารห้ามขายสุราในช่วงโควิด ปรากฏว่าเราเห็นการตั้งวงริมถนนกันเต็มไปหมด แล้วไม่มีการควบคุมดูแล ดังนั้น การเปิดแล้วควบคุม ดีกว่าปล่อยให้ทพกันเองส่วนตัวแล้วไม่มีการดูแลตามกฎมาย เราให้ออกมาในที่สว่างดีกว่า
เมื่อถามว่าการเปิดสถานบันเทิงถึงตี 2 จะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม.ฯหรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า ตนขอดูผลของช่วงนี้ก่อนว่าเป็นอย่างไร แต่จริงๆ เรื่องของเวลา ก็เกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจด้วย
เพราะเศรษฐกิจกลางคืนเป็นเศรษฐกิจใหญ่ รวมถึงพ่อค้า-แม่ค้า รถสามล้อ แท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ ตนมองว่าหากขยายเวลามากขึ้นก็ลดความแออัด นักท่องเที่ยวก็ออกมา โดยผมว่าเราพร้อมกลับไปชีวิตปกติแล้ว