สธ.แจงข่าวปลอมพบโอมิครอนสายพันธุ์ BA4.5 ในไทย

25 มิ.ย. 2565 | 12:57 น.
อัปเดตล่าสุด :25 มิ.ย. 2565 | 20:29 น.

ลือสนั่นพบโควิด-19 โอมิครอน สายพันธุ์ BA4.5 ในไทย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แจงแล้วจากการตรวจสอบพบว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข่าวปลอม

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แจงแล้วกรณีมีกระแสข่าวว่าพบโควิด-19 โอมิครอน สายพันธุ์ BA4.5 ในประเทศไทย 

 

วันนี้ (25 มิ.ย.65) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แจง กรณีมีข่าวว่าพบโควิด-19 โอมิครอน สายพันธุ์ BA4.5 ในไทย จากการตรวจสอบพบว่าข้อมูลดังกล่าวเป็น "ข้อมูลเท็จ"

 

สธ.แจงข่าวปลอมพบโอมิครอนสายพันธุ์ BA4.5 ในไทย

 

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 และการกลายพันธุ์ของเชื้อ ว่า ขณะนี้ ร้อยละ 53.79 ยังคงเป็นเชื้อ โอมิครอน BA.2 รองลงมา คือ โอมิครอน BA.4/BA.5 ร้อยละ 45.71 และร้อยละ 0.51 เป็นเชื้อโอไมครอน BA.1

 

ข้อมูลระหว่างวันที่ 18-22 มิถุนายน 2565 สุ่มพบสายพันธุ์โอมิครอน BA.4 และ BA.5 ในประเทศไทย จากการตรวจเบื้องต้น 181 ราย ซึ่งมีการตรวจยืนยันด้วยการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว (WGS) และรายงานเข้าสู่ระบบฐานกลาง GISAID 81 ราย 

ส่วนใหญ่พบผู้ติดเชื้อในกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการสุ่มตัวอย่างมาตรวจมากที่สุด ทำให้จำนวนรวมตั้งแต่ 14 พฤษภาคม - 22 มิถุนายน พบ BA.4 และ BA.5 ในประเทศไทยแล้ว 214 ราย

 

ข้อมูลจากผลวิจัยทางห้องปฏิบัติการพบว่า เชื้อ BA.4 และ BA.5 ทำลายปอดและมีอาการปอดอักเสบได้ง่ายขึ้น แต่ข้อมูลทางคลินิกยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ ในหลายประเทศ พบการเพิ่มจำนวนของ BA.5 เพิ่มขึ้น 

 

ส่วนอัตราการแพร่เร็วของสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ข้อมูลที่มีในปัจจุบัน พบชัดเจนว่าสายพันธุ์ดังกล่าวแพร่เร็วกว่าเดิม ประมาณ 1.5 เท่าเมื่อเทียบกับ BA.2 เป็นการพบในห้องปฏิบัติการ 

 

โดยพบอีกว่า แอนตี้บอดี้ทำลายเชื้อ BA. 4 และ BA.5 ได้น้อยลง ส่งผลทำให้ยารักษาบางชนิด ที่ต้องตอบสนองกับยาที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันน้อยลงไปด้วยทั้งนี้ คนที่เคยติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์อื่นก่อนหน้านี้ อาจจะติดเชื้อซ้ำสายพันธุ์ BA .4 และ BA.5 ได้ 

 

แต่หากได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นจะทำให้ร่างกายมีภูมิสู้กับเชื้อได้ดีกว่าคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ดังนั้นการมารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อให้มีภูมิคุ้มกันสูงมากพอยังมีความจำเป็น ช่วยลดความรุนแรงของเชื้อได้ รวมถึงมาตรการการป้องกันตนเองที่เหมาะสม เช่น การสวมหน้ากากในสถานที่แออัด การล้างมือ