เปิดสถิติผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ตายมากไหม หลังไทยประกาศถอดหน้ากาก

03 ก.ค. 2565 | 21:11 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ก.ค. 2565 | 22:01 น.

เปิดสถิติผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ตายมากไหม หลังไทยประกาศถอดหน้ากาก หมอเฉลิมชัยรวบรวมข้อมูล 10 วันเทียบกับเดือนที่ผ่านมาก่อนประกาศ

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า

 

10 วันหลังยกเลิกบังคับสวมหน้ากาก ติดโควิดเพิ่ม 14.38% ป่วยเข้ารับการรักษาตัวเพิ่ม 9.02% แต่เสียชีวิตลดลง 15.79%

 

นับจากรัฐบาลได้เปลี่ยนแปลงเรื่องการสวมหน้ากาก จากมาตรการบังคับตามประกาศข้อกำหนดที่ 24 เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2564

 

มาเป็นให้สวมหน้ากากด้วยความสมัครใจได้ ตามประกาศกำหนดข้อที่ 46 เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2565 นั้น

 

มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการสวมหน้ากากของประชาชนที่ปรากฏทั่วไปพอสมควร แต่ยังไม่ปรากฏตัวเลขสถิติที่ชัดเจนว่า มีผู้สวมหน้ากากลดลงร้อยละเท่าใด (มีเพียงโพลของกรมอนามัย ซึ่งไม่มีรายละเอียดของการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ แจ้งว่าผู้สวมหน้ากากในสถานที่เสี่ยงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย)

แต่สิ่งที่เราพอจะติดตามประเมินผลกระทบของการออกประกาศดังกล่าวได้ก็คือ สถิติตัวเลขของผู้ติดเชื้อ ตลอดจนสถิติตัวเลขของผู้ที่เข้ารับการรักษาในระบบ ว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยอย่างไร

 

พบว่าเมื่อเปรียบเทียบสถิติเฉลี่ย 10 วันก่อนประกาศคือ ช่วง 13-22 มิถุนายน 2565 เปรียบเทียบกับ 10 วันหลังมีประกาศแล้วคือ ช่วง 23 มิถุนายนถึง 2 กรกฎาคม 2565 พบตัวเลขที่น่าสนใจดังนี้

 

เปิดสถิติผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ตายมากไหม

 

  • ผู้ติดเชื้อรวม เพิ่มขึ้น 14.38% 
  • จากเดิมติดวันละ 4792 ราย
  • เพิ่มเป็นติดวันละ 5481 ราย
  • ผู้ติดเชื้อแบบ PCR เพิ่มขึ้น 13.86% 
  • จากเดิมติดวันละ 2006 ราย 
  • เพิ่มเป็นติดวันละ 2284 ราย
  • ผู้ติดเชื้อแบบ ATK เพิ่มขึ้น 14.75%  
  • จากเดิมติดวันละ 2786 ราย
  • เพิ่มเป็นวันละ 3197 ราย
  • ผู้รักษาตัวในระบบ เพิ่มขึ้น 9.02% 
  • จากเดิมวันละ 21,220 ราย
  • เพิ่มเป็นวันละ 23,135 ราย
  • โดยตัวเลขผู้เสียชีวิต 
  • ยังไม่เพิ่มขึ้น คือลดลง 15.79% 
  • จากวันละ 19 ราย เหลือวันละ 16 ราย

 

เนื่องจากสถิติการเสียชีวิต จะมีการเปลี่ยนแปลงจากผลกระทบมาตรการต่างๆช้ากว่าจำนวนผู้ติดเชื้อ

 

อย่างไรก็ตาม มีอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สามารถส่งผลกระทบต่อสถิติดังกล่าวได้คือ การเปลี่ยนแปลงชนิดสายพันธุ์ย่อยของไวรัสที่ระบาดในประเทศไทย

 

ทำให้ยอดตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวเพิ่มขึ้น มาจากทั้งปัจจัยการยกเลิกมาตรการบังคับสวมหน้ากาก และไวรัสสายพันธุ์ย่อยที่มีความสามารถในการแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น

 

จากสายพันธุ์ย่อย BA.2 เป็นสายพันธุ์ย่อย BA.4/BA.5 ซึ่งมีความสามารถในการแพร่ระบาดที่รวดเร็วขึ้น ติดต่อกันง่ายขึ้นกว่าเดิม

 

เปิดสถิติผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ตายมากไหม

 

ส่วนสถิติการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ยังคงขยับตัวเพิ่มไม่มากนัก ห่างจากเป้าหมายที่จะฉีดให้ได้ 60-70% อยู่ค่อนข้างมาก และไวรัส Omicron (โอมิครอน) นั้น จะต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็ม จึงจะสามารถลดการติดเชื้อและการเสียชีวิตได้อย่างมีนัยสำคัญ

 

  • หลังการประกาศให้ประชาชนสวมหน้ากากโดยสมัครใจแทนการบังคับ พบผู้ติดเชื้อและผู้รักษาตัวในระบบเพิ่มขึ้น
  • จำนวนผู้เสียชีวิตยังไม่เพิ่มขึ้น เพราะการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นช้ากว่าการติดเชื้อ
  • มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ย่อยจากไวรัส BA.2 เป็นไวรัส BA.4/BA.5 ซึ่งอาจมีผลกระทบ ทำให้มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น
  • ประชาชนโดยทั่วไป จึงควรพยายามสวมหน้ากากต่อไปก่อนเท่าที่สามารถจะทำได้ จนกว่าการติดเชื้อจะลดลงเข้าสู่สถานการณ์ที่น่าพอใจมากกว่านี้
  • ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 แล้ว ควรเข้ารับวัคซีนเข็มที่ 3 โดยเร็วต่อไป

 

ทั้งนี้เพื่อให้ประเทศไทย ซึ่งมีสถานการณ์โควิดดีขึ้นเป็นลำดับ อยู่ในช่วงขาลง ไม่เกิดเหตุการณ์มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นใหม่ หลังจากมีมาตรการยกเลิกการสวมหน้ากาก แบบที่ประเทศในทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกากำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้