“ชัชชาติ” ชี้ แก้ปม รถไฟฟ้าสายสีเขียวเริ่มชัด เล็งเปิดสัญญาให้ปชช.รู้

04 ก.ค. 2565 | 05:53 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ก.ค. 2565 | 13:16 น.

"ชัชชาติ" เผย ปัญหา รถไฟฟ้าฟ้าสายสีเขียว คืบหน้า รู้จุดปัญหา ทุกอย่างเริ่มชัด เชื่อ ไม่นานชง "ครม." รับ อยากเปิดสัญญาให้ปชช. ทราบ อาศัย พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ ชี้ ค่าใช้จ่าย เป็นตัวเลขที่ใช้พิจารณาค่าโดยสาร

วันที่ 4 ก.ค. 2565ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าฯกทม. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า คืบหน้าไปพอสมควร เพราะเราได้รู้ประเด็นแล้วว่าจุดไหนมีปัญหา และต้องลงในรายละเอียดระหว่างกรุงเทพธนาคมกับบริษัทเอกชน ที่จะต้องเจรจาว่าสามารถลดอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนกทม.เองก็ต้องดูเรื่องหนี้เป็นหลักตามที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบรมว.คมนาคม ได้ให้ข้อคิดเห็นไว้ว่าจะต้องกลัดกระดุมเม็ดแรกให้ได้ก่อน 


นายชัชชาติ กล่าวว่า ในส่วนของหนี้มี 3 ส่วน คือ 1.หนี้ระหว่างกทม.กับรัฐ ตรงนี้ไม่ได้กังวลมากเพราะถึงอย่างไรก็กระเป๋าซ้ายกระเป๋าขวา 2.หนี้ค่างานติดตั้งระบบเดินรถ และ3.หนี้ค่าเดินรถโดยเฉพาะในส่วนสัญญาที่ 2 ต้องดูว่าสัญญาครบถ้วนหรือไม่ ถ้าไม่ครบก็ต้องทำให้ครบเสียก่อนที่จะเริ่มจ่ายหนี้ เราก็ต้องเอาให้ชัดเจนทำอย่างตรงไปตรงมา และต้องไปดูเรื่องสัญญาจ้างบีทีเอสเดินรถส่วนต่อขยาย ปี 72-85 
 

นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าฯกทม.

นายชัชชาติ กล่าวว่า ตนอยากเปิดเผยให้ประชาชนทราบ แต่ต้องเอาเรื่องกฎหมายให้ชัดเจนก่อน เนื่องจากในสัญญาเขียนไว้ว่าห้ามเปิดเผยต่อสาธารณะ เว้นแต่กฎหมายบังคับ และบังเอิญว่าองค์กรผู้บริโภคขอมาแล้วจะเอาตรงนี้เป็นจุดที่จะบอกว่าสามารถเปิดเผยได้หรือไม่

 

โดยจะอ้างอิงจากพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ ถ้าข้อมูลใดที่ประชาชนขอมา ให้ได้ก็ต้องให้เพราะประชาชนเป็นเจ้าของเงินที่เราต้องจ่ายเอกชนอยู่แล้ว เป็นเงินภาษีประชาชน และถ้าเปิดเผยได้จะสรุปให้เสร็จเลยว่า ค่าใช้จ่ายการเดินรถเป็นเท่าไหร่ การเปิดเผยดังกล่าวคงไม่ต้องหารือกระทรวงมหาดไทยเนื่องจากเป็นสัญญาระหว่าง กทม.คือกรุงเทพธนาคม กับเอกชน 


เมื่อถามว่า หากจะเปิดข้อมูลต้องให้คู่สัญญายินยอมด้วยหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า คงต้องปรึกษากันอีกครั้ง เพราะคู่สัญญาของกทม.ไม่ใช่บริษัทเอกชน เราต้องถามกรุงเทพธนาคมก่อนแล้วกรุงเทพธนาคมกับคู่สัญญาก็ไปว่ากันอีกที

 

เพราะเราก็ขอเอกสารในฐานะผู้ถือหุ้นของกรุงเทพธนาคม เราขอเอกสารในนามผู้ถือหุ้น การเซ็นสัญญาเกิดขึ้นระหว่างกรุงเทพธนาคม กับเอกชน ไม่ใช่กทม.เป็นคนเซ็น

 

แต่เราต้องรับผิดชอบ จึงต้องดูให้ละเอียดและได้สรุปตัวเลข และค่าใช้จ่ายไว้แล้ว เพราะค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นตัวเลขที่นำมาพิจารณาเรื่องค่าโดยสาร เราต้องเก็บค่าโดยสารให้ครอบคลุมกับค่าใช้จ่ายที่เรามีสัญญากับเอกชนไว้ ดังนั้น ค่าใช้จ่ายจึงมีความสำคัญ เราจะบอกว่าค่าโดยสารจะ 20 บาท หรือ 30 บาท สุดท้ายขึ้นอยู่กับว่าเราจะต้องจ่ายเขาเท่าไหร่ ตรงนี้เป็นจุดสำคัญ 

เมื่อถามว่า จะใช้เวลาอีกนานหรือไม่กว่าจะเคลียร์ตรงนี้ได้ นายชัชชาติ กล่าวว่า ไม่มีปัญหาเพราะเรื่องนี้เริ่มปี 2572-2585 ยังมีเวลา ยกเว้นส่วนที่เดินรถในปัจจุบันคือส่วนหนึ่งและส่วนสอง ส่วนหนึ่งคงแก้ไขอะไรได้ยากเพราะมีสัญญาระหว่าง กทม.กับกรุงเทพธนาคม และ กรุงเทพธนาคม กับเอกชน

 

แต่ส่วนสอง เรามอบหมาย กรุงเทพธนาคม แล้วกรุงเทพธนาคมไปจ้างเอกชน ก็ต้องมาดูความเชื่อมโยงว่าครบถ้วนหรือไม่ เรื่องเวลาจึงไม่ใช่เงื่อนไข เวลามีเงื่อนเดียวคือเรื่องหนี้เพราะเป็นหนี้ที่ดอกเบี้ยเดินอยู่แต่เรื่องสัญญาเดินรถ จริงๆแล้วหัวใจคือสัญญาจ้างบีทีเอสเดินรถส่วนต่อขยาย ปี 72-85 ยังมีเวลาอีก 6-7 ปี 

 

เมื่อถามว่า เรื่องรถไฟฟ้าจะนำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เมื่อใด นายชัชชาติ กล่าวว่า ก็ต้องแล้วแต่ครม.แต่ทางเราก็ต้องให้ความเห็นประกอบไป เชื่อว่าอีกไม่นานเพราะตอนนี้ทุกอย่างเริ่มชัดเจนแล้วเพราะทำงานมา 1 เดือนแล้ว 

 

เมื่อถามว่า กรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เคยระบุว่ามีความหนักใจตอนนี้เบาใจขึ้นบ้างหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ที่หนักใจคือหนักใจว่าภาระตกไปที่ประชาชน เพราะมีเงื่อนของการเซ็นสัญญาอยู่แล้วจะเป็นอย่างไรจะพูดคุยได้มากน้อยแค่ไหนเพราะบางอย่างเราไม่ได้เป็นคนทำ แต่สัญญาเซ็นไปแล้วก็จะมีขบวนการของกฎหมายอยู่ว่าจะทำอย่างไร