พันธกิจการสำรวจอวกาศ ยังเดินหน้าแม้จะใช้ระยะเวลานาน เช่น การส่งมนุษย์ไปดาวอังคาร หน่วยงานอวกาศต้องคำนึงถึงความต้องการของนักบินอวกาศและปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ โดยเฉพาะอาหารที่ต้องมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน ควบคู่กับความหลากหลายในรสชาติ และความเหมาะสมในการใช้งานในสภาวะของห้วงอวกาศ
ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันคือ การขนส่งเสบียงอาหารจากโลกไปเป็นจำนวนมากเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการนั้นเป็นการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอย่างมหาศาล รวมถึงความยากลำบากในการผลิตอาหารที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กล่าวมาภายใต้ทรัพยากรที่เหมาะสมนั้น ยังคงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากพอสมควร
องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (National Aeronautics and Space Administration – NASA) และองค์การอวกาศแคนาดา (Canadian Space Agency) และมูลนิธิเมซูเธลา จึงได้ร่วมมือกันเพื่อเปิดโจทย์นี้ไปยังนักวิชาการ, นักวิทยาศาสตร์, นักวิจัย, และผู้ผลิตอาหารทั่วโลก ภายใต้งานประชันอาหารอวกาศลึก หรือ “Deep Space Food Challenge” หนึ่งในกิจกรรมการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง
เพื่อแสวงหาแนวคิดทางด้านเทคโนโลยีหรือระบบการผลิตอาหารแนวใหม่ โดยใช้ทรัพยาการจำนวนจำกัด ให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุด เพื่อผลิตอาหารที่ปลอดภัยต่อการบริโภค มีคุณค่าทางโภชนาการ และรสชาติถูกปากนักบินอวกาศจากนานาประเทศ
สำหรับภารกิจที่จะมีระยะเวลาและความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ แม้จะเป็นโครงการทางด้านอวกาศ แต่เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอาจสร้างโอกาสใหม่ในการพัฒนาอุตสาหกรรมทั่วโลก ทั้งด้านระบบการเพาะปลูก การสกัดสารสำคัญ การพัฒนาอาหารที่มีคุณประโยชน์สูง รวมถึงการผลิตอาหารในภูมิภาคที่ขาดแคลนหรือประสบภัยพิบัติ
ล่าสุดทีมวิศวกรรมอวกาศคีตะ (KEETA) ของไทย สร้างปรากฏการณ์ใหม่ เพื่อเป็น 1 ใน 9 ทีมจากทั่วโลก ที่ผ่านเข้ารอบการแข่งขันเฟสแรกในโครงการส่งอาหารไปอวกาศ ‘Deep Space Food Challenge’ ของ NASA ซึ่งเป็นการแข่งขันฉีกกฎการเตรียมอาหารให้นักบินอวกาศจำนวน 4 คน ให้สามารถทำงานอยู่นอกโลกนานถึง 3 ปี โดยไม่ต้องพึ่งพาการเติมเสบียงใหม่จากพื้นโลกเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“คีตะ” ทีมวิศวกรรมอวกาศจากประเทศไทย ที่เกิดจากการรวมตัวของสมาชิกหลากหลายหน่วยงานอาทิ SPACE ZAB, ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์, สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ และหน่วยงานอื่นๆ ได้ร่วมกันออกแบบระบบนิเวศขนาดเล็ก ที่นำของเสียภายในยานมาหมุนเวียน
เพื่อปลูกพืชสำหรับเลี้ยงด้วงสาคู ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีโปรตีนสูง และทีมได้นำวัฒนธรรมการกินอาหารของไทยมาเป็นตัวชูผ่านเมนูที่แตกต่าง แปลกใหม่ และมีคุณค่าทางอาหาร นำไปผลิตเป็นอาหารสำหรับนักบินอวกาศในลักษณะของระบบวิศวกรรมขั้นสูงที่ทำงานร่วมกัน โดยใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้ได้อาหารที่มีความสดใหม่ และมีประสิทธิภาพสูงกว่าอาหารบางประเภทที่ถูกส่งไปจากโลกเพื่อรับประทานในปัจจุบัน เช่นอาหารแห้ง และอาหารพร้อมทานที่ถูกรีดน้ำออกจนหมด
สำหรับความท้าทายของทีมคีตะหลังผ่านการแข่งขันเฟสแรกคือการลงมือทำจริง และพิสูจน์ให้เห็นว่าไอเดียนี้สามารถใช้งานได้ ในส่วนระบบทางวิศวกรรมนั้นถูกวางไว้อย่างสมบูรณ์ และโจทย์ใหญ่ในงานนี้คือเทคโนโลยีที่มีความแปลกใหม่เป็นเรื่องท้าทายในการทำให้เกิดขึ้นจริง
ซีพี ออลล์ ได้ร่วมสนับสนุนทุนวิจัยทีมวิศวกรรมอวกาศคีตะ พัฒนาเทคโนโลยี “อาหารอวกาศ” นำเสนอภูมิปัญญาอาหารไทย วัฒนธรรมความเป็นไทยในการแข่งขัน ซึ่งถือเป็นผลงานความภาคภูมิใจของคนไทยและสานฝันเยาวชนไทยครั้งสำคัญให้เกิดขึ้นจริง
ปัจจุบัน ทีมคีตะถือเป็นตัวแทนหนึ่งเดียวจากประเทศไทยและทวีปเอเชีย ที่ได้รับการคัดเลือกให้ผ่านเข้ารอบที่ 2 ของการแข่งขันจากทีมที่เข้าร่วมทั่วโลก และมีโอกาสสูงที่จะสามารถคว้าชัยชนะในงานนี้ได้หลังการประเมินล่าสุดโดยคณะกรรมการ ที่ได้รับการตอบรับกลับมาเป็นอย่างดี ทีมคีตะพร้อมมุ่งหน้าเต็มกำลังเพื่อการคว้าชัยชนะในรอบที่ 2 ของการแข่งขันด้วยระบบตัวอย่างทางวิศวกรรมที่พร้อมใช้งานได้จริง และพร้อมให้ตรวจสอบโดยทีมงานจากNASA ที่จะบินมาวิเคราะห์ผลงานถึงประเทศไทยในช่วงต้นปีหน้า