แอล.พี.เอ็น.ชี้ครึ่งหลังปี 59 ตลาดอสังหาฯ ยังเผชิญปัจจัยลบมากกว่าบวก คาดมีอาคารชุดเปิดตัวขายใหม่มูลค่ารวมกว่า 1 แสนล้านบาทผู้ประกอบการรายใหญ่ยังคงโฟกัสตลาดบน เลี่ยงปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน เผยครึ่งปีแรกอาคารชุดเปิดตัวใหม่ลดลง ทั้งจำนวนโครงการและมูลค่ารวม
[caption id="attachment_74791" align="aligncenter" width="700"]
คาดการณ์อาคารชุดเปิดตัวครึ่งหลังปี 2559 แบ่งตามผู้ประกอบการและระดับสินค้า[/caption]
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งหลังปี 2559 ว่า ธุรกิจยังต้องเผชิญกับปัจจัยลบมากกว่าบวก โดยปัจจัยหลักๆ คือธนาคารมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้อัตราการกู้ไม่ผ่านเพิ่มขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ขณะที่ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง ถึงแม้อัตราการขยายตัวจะชะลอลงในช่วงต้นปี 2559 ก็ตาม ด้านกำลังซื้อยังอยู่ในระดับต่ำ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะดีขึ้นในปีหน้า
สำหรับปัจจัยบวกที่คาดว่าจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยกระตุ้นตลาดในครึ่งปีหลังคือ มาตรการจากภาครัฐ ผ่านโครงการบ้านประชารัฐ ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อย และโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น โครงการรถไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนการพัฒนาที่อยู่อาศัยในบริเวณต่างๆให้เพิ่มมากขึ้น โดยในครึ่งปีหลังจะมีการพิจารณาอนุมัติรถไฟฟ้าเพิ่มอีก 3 สาย ส่วนเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างถือว่ามีทั้งมุมบวกและลบ โดยในมุมบวกมองว่าจะมีการปล่อยที่ดินออกมามากขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายก่อนที่ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะมีผลบังคับใช้ในปี 2560 สำหรับมุมลบภาษีดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบในการตัดสินใจซื้อของนักลงทุนที่ซื้อห้องชุดเพื่อปล่อยเช่า
"ช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะชะลอตัว กลุ่มคนระดับล่างได้รับผลกระทบจากหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของแอล.พี.เอ็น.ทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มสูง ในบางโครงการสูงถึง 50% ซึ่งบริษัทได้หาทางช่วยลูกค้าด้วยการให้ลูกค้าผ่อนเงินดาวน์กับทางบริษัทไประยะหนึ่งเพื่อสร้างวินัย หลังจากนั้นให้ลูกค้ายื่นกู้ใหม่ ซึ่งสามารถช่วยให้ลูกค้ากู้ได้กว่า 200 ราย แม้ลูกค้าในกลุ่มนี้จะมีความต้องการที่อยู่อาศัยแท้จริง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทต้องขยายการลงทุนไปยังเซ็กเมนต์อื่น จากเดิมที่เน้นการลงทุนในเขตรอบนอกเมือง ก็จะหันมาลงทุนในเมืองและขยายฐานลูกค้าระดับบนเพิ่มขึ้น" นายโอภาส กล่าว
จากการเก็บรวบรวมข้อมูลของสำนักวิจัยและพัฒนาของบริษัทคาดการณ์ว่า ในช่วงครึ่งหลังปี 2559 ผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดจะทยอยเปิดตัวโครงการอาคารชุดใหม่อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ในช่วงครึ่งแรกปี 2559 ผู้ประกอบการมุ่งเน้นระบายสต๊อกสินค้าในมือ โดยคาดว่าอาคารชุดใหม่ที่เปิดตัวใหม่มากกว่า 33 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1 แสนล้านบาท โดยโครงการส่วนใหญ่ที่เปิดตัวจะเป็นโครงการระดับกลาง-บน ราคามากกว่า 2 ล้านบาท
โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่มุ่งเน้นเปิดโครงการที่มีระดับราคาขายมากกว่า 5 ล้านบาท จำนวน 13 โครงการ หรือคิดเป็น 58% ของมูลค่าตลาดรวม มูลค่าโครงการรวมประมาณ 6.2 หมื่นล้านบาท สำหรับโครงการที่มีระดับราคา 3-5 ล้านบาท และ 2-3 ล้านบาท มีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันคือ 17% และ 16% ตามลำดับ ในส่วนของมูลค่าโครงการมีระดับที่ใกล้เคียงกันคือกลุ่มระดับราคา 3-5 ล้านบาท มีมูลค่าโครงการประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท และกลุ่มระดับราคา 2-3 ล้านบาท มีมูลค่าโครงการประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกปี 2559 มีอาคารชุดเปิดตัวใหม่ 51 โครงการ 28,444 หน่วย ลดลง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2558 คิดเป็นมูลค่าโครงการรวม 7.77 หมื่นล้านบาท ลดลง 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปีที่ผ่านมามีการเปิดตัวโครงการในระดับบนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในไตรมาสแรก ซึ่งโครงการที่พัฒนาส่วนใหญ่เป็นของผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาด 64% ขณะที่ผู้ประกอบการนอกตลาดพัฒนาอยู่ที่ระดับ 36% และผู้ประกอบการที่เปิดโครงการอาคารชุดมากที่สุดในครึ่งแรกปี 2559 คือ บริษัท แอล.พี.เอ็น.จำกัด (มหาชน) 27% ระดับราคาที่เปิดตัวส่วนใหญ่อยู่ที่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนที่ 27% รองลงมาคือระดับราคา 1.0-1.5 ล้านบาท สัดส่วน 24% และระดับราคา 2.0-3.0 ล้านบาท 18%
Photo :
Pixabay ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,177 วันที่ 24 - 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2559