สปสช.คลายข้อสงสัย"ฝีดาษลิง/ฝีดาษวานร" สิทธิบัตรทอง 30 บาท ดูที่นี่

04 ส.ค. 2565 | 03:22 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ส.ค. 2565 | 10:25 น.

สปสช.คลายข้อสงสัย"ฝีดาษลิง/ฝีดาษวานร" เราติดเชื้อฝีดาษวานรได้อย่างไรบ้าง? มาตรการป้องกันโรค สิทธิบัตรทอง 30 บาท ดูที่นี่

อัพเดทสถานการณ์โรคฝีดาษวานรหรือฝีดาษลิงในประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 65 ไทยพบผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษวานรรายที่ 3 เป็นชายชาวเยอรมัน อายุ 25 ปี เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 18 ก.ค.  65 เข้ามายังจังหวัดภูเก็ต เพื่อท่องเที่ยว

 

ล่าสุดเพจเฟซบุ๊กสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โพสต์เผยแพร่ Q&A คลายข้อสงสัยไปกับ สปสช. 

Q : เราติดเชื้อฝีดาษวานรได้อย่างไรบ้าง?

 

A : ฝีดาษวานรไม่ได้แพร่จากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่งง่ายเท่าไหร่เพราะคนที่รับเชื้อโรคจะต้องสัมผัสกับคนที่ติดเชื้อโดยตรง โดยเฉพาะการสัมผัสกับ

- แผล แผลตกสะเก็ดและของเหลวจากร่างกาย

- น้ำลาย ละอองทางเดินหายใจที่ได้รับจากการอยู่ใกล้ชิดกันเป็นเวลานาน

- สิ่งของ เช่น ผ้าเช็ดตัวและเครื่องนอนที่ยังไม่ได้ซักทำความสะอาด

- การสัมผัสกัน ระหว่างมีเพศสัมพันธ์

 

สปสช.คลายข้อสงสัย\"ฝีดาษลิง/ฝีดาษวานร\" สิทธิบัตรทอง 30 บาท ดูที่นี่

 

 

มาตรการป้องกันโรคโควิด 19 ยังสามารถใช้ได้กับโรคฝีดาษวานร ดังนี้

 

1. ล้างมือบ่อยๆ

 

2. เว้นระยะห่าง

 

3. เลี่ยงมีเพศสมัพันธ์กับคนที่ไม่รู้จัก

 

4. ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น

 

5. เลี่ยงใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีตุ่มหนอง

 

6. กินอาหารปรุงสุก

 

7. สงสัยว่ามีอาการป่วยเป็นโรคฝีดาษวานร ควรีบพบแพทย์ทันที

ขอบคุณข้อมูลจากกรมควบคุมโรค

 

สปสช.คลายข้อสงสัย\"ฝีดาษลิง/ฝีดาษวานร\" สิทธิบัตรทอง 30 บาท ดูที่นี่

 

สำหรับผู้มีสิทธิบัตรทอง 30 บาท หรือ สิทธิหลักประกันสุขภาพ สามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการหรือสถานพยาบาลประจำตามสิทธิ หรือกรณีมีความจำเป็นสามารถเข้ารับบริการที่สถานพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ทุกแห่ง เช่นโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ กทม. และคลินิกเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ หรือสถานพยาบาลตามสิทธิที่ท่านไปรักษาเป็นประจำ

 

ทั้งนี้ สอบถามเพิ่มเติมการใช้สิทธิบัตรทอง สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 และ Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ https://www.facebook.com/NHSO.Thailand

 

ที่มา : เพจเฟซบุ๊กสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ