สถานการณ์โควิดยังเป็นที่น่าจับตา โดยเฉพาะโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 ที่ระบุว่า พบระบาดในสหรัฐอเมริกามีการเติบโต แพร่ระบาด (relative growth advantage) สูงกว่า BA.4/BA.5 และ BA.2.75
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ระบุว่า ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา ( U.S. CDC) ปรับให้โอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล (variant of concern) เนื่องจากมีการระบาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายพันธุ์ต่างไปจากสายพันธุ์ดั้งเดิมอู่ฮั่นประมาณ 83 ตำแหน่ง ในขณะที่ BA.2.75 กลายพันธุ์ไป 95 ตำแหน่ง, BA.5 กลายพันธุ์ไป 90 ตำแหน่ง, และ BA.4 กลายพันธุ์ไป 78 ตำแหน่งต่างจากไวรัสดั้งเดิมอู่ฮั่น
ข้อมูลจาก U.S. CDC พบว่า BA.4.6 คิดเป็น 4.1% ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกา (30 กรกฎาคม 2565) โดยพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากในรัฐ ไอโอวา แคนซัส มิสซูรี และเนบราสก้า
โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 คล้ายคลึง BA.4 เพียงแต่มีการกลายพันธุ์ที่หนามต่างไปจากโอไมครอนอื่น 1 ตำแหน่ง (Spike R346T mutation) ยังไม่มีข้อมูลด้านการหลบภูมิคุ้มกัน หรือการดื้อต่อวัคซีนเจนเนอเรชันแรก และเจนเนเรชันสองที่จะมีให้ได้ฉีดกันปลายปีนี้ รวมทั้งยังไม่มีรายงานความรุนแรงของโรคที่แตกต่างไปจากโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยอื่นอย่างมีนัยสำคัญ
มีการถอดรหัสพันธุกรรม BA.4.6 ทั้งจีโนม และอัปโหลดขึ้นพบฐานข้อมูล GISAID โลกแล้วทั้งสิ้น 5681 ตัวอย่างภายในสามเดือนที่ผ่านมา
โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.75 จากอินเดียแม้จะมีการกลายพันธุ์บริเวณหนามไปมากที่สุดถึง 8 ตำแหน่งเมื่อเทียบกับโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยอื่น (ภาพ 2) แต่การระบาดในอินเดียและทั่วโลกกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 ในสหรัฐอเมริกาถึงจะมีการกลายพันธุ์บริเวณหนามไปเพียง 1 ตำแหน่งเมื่อเทียบกับโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยอื่นกลับมีการเติบโต-แพร่ระบาดเหนือกว่าทั้ง BA.5 และ BA.2.75
โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่า BA.5 ที่ระบาดทั่วโลกประมาณ 15% (ภาพ3)และ BA.5 ที่ระบาดในเอเชียประมาณ 28%
โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4.6 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่า BA.2.75 ที่ระบาดทั่วโลกประมาณ 12% (ภาพ5) และ BA.2.75 ที่ระบาดในเอเชียประมาณ 53%
อย่างไรก็ตาม การระบาดโควิดในไทย ส่วนใหญ่สายพันธุ์ BA.4/BA.5 พบมากกว่า 90% ในเขตกรุงเทพฯ และ 80% ในภูมิภาค โดยเป็น BA.5 ต่อ BA.4 ประมาณ 4 ต่อ 1
ข้อมูลเท่าที่มียังไม่สามารถสรุปว่า BA.5 มีความรุนแรงมากกว่า BA.1 หรือ BA.2 มากน้อยเพียงใด ส่วนสายพันธุ์ BA.2.75 ขณะนี้มี 5 ราย จากการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว และเริ่มตรวจเฝ้าระวังในระดับพื้นที่เพิ่มเติม