เมืองเซินเจิ้น ศูนย์กลางเทคโนโลยีในมณฑลกวางตุ้งทางภาคใต้ของจีนยังคงตกอยู่ภายใต้ มาตรการล็อกดาวน์ คุมเข้มการแพร่ระบาดของ โควิด-19 หลังพบ ผู้ป่วยใหม่ 71 คนในรอบ 24 ชั่วโมงเมื่อวานนี้ (4 ก.ย.) โดยนายลิน ฮันเฉิง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเมืองเซินเจิ้น ได้ประกาศใช้มาตรการแบ่งเมืองเป็น 3 พื้นที่ คือ
เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด มีผลตั้งแต่วันจันทร์นี้ (5 ก.ย.) เป็นต้นไป
โดยในพื้นที่เสี่ยงต่ำ จะผ่อนคลายให้ประชาชนออกจากบ้านได้ในวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ในพื้นที่เสี่ยงสูง และเสี่ยงปานกลาง มาตรการกักตัวในบ้านเรือนและอาคารพักอาศัยยังมีผลบังคับใช้ต่อไปอย่างเข้มงวด ทั้งให้กักตัวประชาชนในอาคารที่พักอาศัยคราวละ 3 วันไปจนกว่ายอดผู้ติดเชื้อจะเหลือ 0
ขณะเดียวกัน 3 อำเภอของเมืองเซินเจิ้น ประกอบด้วย อำเภอฟู่เถียน อำเภอหนานซาน และอำเภอหลงหัว(พื้นที่เสี่ยงปานกลาง) ประกาศมาตรการทางสาธารณสุขเพิ่มเติม คือ ปิดสถานบันเทิง เช่น โรงภาพยนตร์และร้านคาราโอเกะ เป็นการชั่วคราว อีกทั้งยังอนุญาตให้ลูกค้าเข้าไปนั่งในร้านอาหารราวครึ่งหนึ่งของความจุของร้าน
ส่วนพื้นที่อื่นๆของจีน เช่น รัฐบาลเมืองเฉิงตู ซึ่งมีประชากร 21 ล้านคน ตั้งอยู่ในมณฑลเสฉวน ทางภาคตะวันตกของประเทศ ได้ขยายมาตรการล็อกดาวน์ต่อไปอีก 3 วัน โดยจะมีการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 สำหรับประชาชนจากวันนี้ (5 ก.ย.) ไปจนถึงวันพุธนี้ (7 ก.ย.) หลังล็อกดาวน์ครบ 4 วันเมื่อวันอาทิตย์ สำหรับเมืองเฉิงตู
ปัจจุบันทั้งประเทศจีน ยังคงมี 33 เมือง ที่ยังคงถูกล็อกดาวน์บางท้องที่หรือล็อกดาวน์ทั้งเมือง ตามนโยบายลดโรคโควิด-19 ให้เหลือ 0 ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชากรกว่า 65 ล้านคน ทั้งยังกระทบการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
นโยบายที่จีนใช้รับมือกับโรคโควิด-19 นั้น แตกต่างจากประเทศส่วนใหญ่ในโลก ที่ใช้นโยบายให้ประชาชนปรับตัวเพื่ออยู่กับโรคดังกล่าวได้โดยไม่สูญเสียคุณภาพชีวิตมากนัก
วันนี้ (5 ก.ย.) จีนพบผู้ป่วยใหม่ 1,666 คนในรอบ 24 ชั่วโมง ตัวเลขผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 245,057 คน ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมทั่วประเทศอยู่ที่ 5,226 ราย