ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรณีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่จ.ตากในวันนี้นั้น ในช่วงหนึ่งของการลงพื้นที่นางสาวธนชพร ต๊ะทองคำ นายกอบต.เเม่ปะ อ.เเม่สอดจ.ตากได้ขอเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาหลักการเเละงบประมาณการก่อสร้างอุทยานการเรียนรู้ประตูสู่อารยธรรม สองวัฒนธรรม และอุตสาหกรรมไมซ์ ( MICE) บริเวณอนุสรณ์ผู้เสียสละ อบต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก
โดยนางสาวธนชพรกล่าวว่าได้ฟังเสียงสะท้อนเบื้องต้นจากประชาชนว่า เพื่อให้พื้นที่อ.เเม่สอด จ.ตากเป็นประตูเชื่อมตะวันออก-ตะวันตกของภูมิภาคอาเซียนตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ20ปีและแผนปฏิรูปประเทศซึ่งรัฐบาลได้วางกรอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติไว้นั้น โดยพบว่า มติคณะรัฐมนตรี 19 ม.ค. 2558 ให้ 5 พื้นที่จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ
โดยจังหวัดตากเป็นหนึ่งในห้าพื้นที่ดังกล่าวและเป้าหมายการพัฒนาจังหวัดตากให้ “เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงระเบียง เศรษฐกิจเหนือ-ใต้(NSEC) กับระเบียงเศรษฐกิจ ตะวันออก-ตะวันตก (EWEC) ที่เข้มแข็ง" ตอนนี้รัฐบาลได้ดำเนินโครงการการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor) และ แผนการพัฒนาขนส่งทางราง ของกระทรวงคมนาคม
"หากพื้นที่อ.เเม่สอดได้มีอุทยานการเรียนรู้ ซุ้มประตูสู่อารยะในพื้นที่เพื่อเป็นเเหล่งการเรียนรู้ของประชาชนเกี่ยวกับชุมชน ประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ซึ่งในจังหวัดตากนั้น ประชากรบางส่วนในพื้นที่เป็นชาวไทยภูเขา (เชื้อชาติ กระเหรี่ยง ม้ง มูเซอ อีก้อ ลีซอ เย้า )
รวมทั้งชาวเมียนมาที่เดินทางเข้า-ออกตามแนวชายแดนอีกจำนวนหนึ่ง ดังนั้นการที่ในพื้นที่จะมี อุทยานการเรียนรู้ซุ้มประตูสู่อารยะ สองอารยธรรมนั้นเป็นการเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ ความหลากหลายทางเชื้อชาติที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติในดินแดนไทย
เเละขอให้ในพื้นที่เกิดอุตสาหกรรมไมซ์ ( MICE ) ขึ้น ซึ่งเป็นการจัดประชุม การท่องเที่ยว การจัดประชุมนานาชาติ การจัดงานแสดงสินค้าหรือบริการ หากมีการก่อสร้างศูนย์ประชุมอุตสาหกรรมไมซ์ขนาด2,500-3,000คนในพื้นที่ใกล้เคียงกับอุทยานการเรียนรู้ซุ้มประตูสู่อารยะ สองอารยธรรม จะสร้างรายได้เข้าอ.แม่สอดรวมกับรายได้จากการส่งออกไปยังเพื่อนบ้าน คือ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ได้ไม่ต่ำกว่าปีละหนึ่งแสนล้านบาท โดยได้เสนอข้อมูลและรายละเอียดเบื้องต้นให้รักษาการนายกรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อตัดสินใจดำเนินการในชั้นต่อไป"
นางสาวธนชพรกล่าวว่าอ.เเม่สอดมีศักยภาพในการเป็นประตูตะวันตกของไทยเชื่อมไปยังเมียนมา/อินเดีย/ตะวันออกกลางในวันข้างหน้าหากรัฐบาลเห็นความสำคัญเเละอนุมัติหลักการขั้นต้นในการดำเนินงานตามที่ตนในฐานะตัวเเทนประชาชนในพื้นที่สะท้อนให้เเกนนำรัฐบาลพิจารณาในครั้งนี้ เชื่อว่าจีดีพีเเละดัชนีความสุขของประชาชนในพื้นที่จะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในไม่กี่ปีข้างหน้า จึงขอให้พลเอกประวิตรช่วยผลักดันโครงการดังกล่าวให้ลุล่วงด้วย