ศูนย์จิณณ์ เวลเนส โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ชวนคนไทยหันมาดูแลสุขภาพแบบเวลเนส เน้นการดูแลสุขภาพที่ส่งเสริม Health Transformation พร้อมชูเทคโนโลยี AI ตรวจวิเคราะห์สุขภาพ คัดกรองปัญหาสุขภาพที่อาจก่อให้เกิดโรคในอนาคต เพื่อการป้องกันโรคและต่อยอดการรักษาแบบตรงจุดโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ
พญ. กอบกาญจน์ ชุณหสวัสดิกุล ผู้อำนวยการศูนย์จิณณ์ เวลเนส เซ็นเตอร์ (Jin Wellness Center) โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง กล่าวว่า เวลเนส หรือ เวลบีอิ้ง เป็นเรื่องของการส่งเสริมป้องกันก่อนจะเกิดโรค หรือชะลอความเสื่อมของร่างกายที่อาจเกิดขึ้นก่อนวัย ที่จิณณ์ เวลเนส เซ็นเตอร์ ใช้หลักการ 4P (Predictive, Preventive, Personalized และ Participatory) ตามหลักวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ เพื่อการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิดการปรับสมดุลร่างกายและจิตใจจากภายในสู่ภายนอก เป็นการนำศาสตร์ธรรมชาติบำบัดมาผสมผสานกับแพทย์ทางเลือก ควบคู่ไปกับการแพทย์แผนปัจจุบันที่ทันสมัย เพื่อออกแบบโปรแกรมและกิจกรรมสำหรับการป้องกัน และชะลอความเสื่อมจากโรคภัยแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) ด้วยเทคโนโลยีการตรวจหาความเสี่ยงและความผิดปกติภายในร่างกายในระดับเซลล์ร่างกายอย่างละเอียด ทำให้การบำบัดรักษาเป็นไปอย่างตรงจุดและรวดเร็ว
เรามีโปรแกรมเอไอ ซึ่งเป็น Prevention Programs ใช้ประสบการณ์จากการทำงานทางด้านเวชศาสตร์ป้องกันมากว่า 20 ปี ในการเก็บอัลกอรึทึ่มหลายหมื่นเคสมาวิเคราะห์ เพื่อแนะนำและออกแบบโปรแกรมการดูแลสุขภาพตามลำดับความจำเป็นก่อนหลังเฉพาะบุคคล
นอกจากนี้การดูแลสุขภาพในเชิงป้องกัน ยังควรสร้างความเข้าใจในการปรับเปลี่ยนตัวเอง เพื่อที่จะช่วยเสริมสร้างให้การดูแลสุขภาพเป็นไปตามเป้าหมายและสัมฤทธิ์ผล ซึ่งการที่จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้นั้นสิ่งที่จะกระตุ้นและเป็นพลังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้คนหันมาส่งเสริมและป้องกันสุขภาพมี 3 ปัจจัยหลัก ปัจจัยแรกคือความต้องการมีชีวิตยืนยาวอย่างปลอดภัยโรค ซึ่งเห็นได้ชัดจากสถานการณ์โควิดที่ทุกคนหันมาดูแลตัวองมากขึ้น สนใจและดูแลสุขภาพมากขึ้น ปัจจัยที่สอง คือความต้องการลดค่าใช้จ่ายจากการเจ็บป่วย ไม่ว่าจะเป็นจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือ Non-Communicable Diseases (NCDs)
ซึ่งมีค่ารักษาที่สูงมาก ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการป้องกันโรคเหล่านี้น้อยกว่าค่ารักษาถึง 10 เท่า และปัจจัยสุดท้าย คือความกังวลในชีวิตหลังเกษียณ ซึ่งในปัจจุบัน มีจำนวนผู้สุงอายุในสัดส่วนที่สูงขึ้น หลายคนกังวลเรื่องการเตรียมตัวเพื่อค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพหลังเกษียณอายุ เพื่อไม่ให้เป็นภาระของลูกหลาน สิ่งเหล่านี้เป็นความกังวลที่จะสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้ทุกคนหันมาดูแลและใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น
พญ. กอบกาญจน์ กล่าวเสริมว่า Preventive เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอักเสบในร่างกายที่จะทำให้เกิดอาการไม่สบายตัวต่างๆ ซึ่งเป็นอาการก่อนเกิดโรค จึงอยากรณรงค์ให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันก่อนเกิดโรค ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันความเสื่อม การป้องกันโรคเรื้อรัง การป้องกันโรคร้าย เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น และเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายครัวเรือนที่ส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศ
ส่วน Personalized คือ การให้คำแนะนำเฉพาะแต่ละบุคคลซึ่งจะสร้างการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงและดูแลสุขภาพได้อย่างถูกต้อง และสำหรับ Participatory คือ การมีส่วนร่วมของคนไข้และหมอที่ปรึกษาการดูแลสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มการป้องกันก่อนป่วยอย่างได้ผลมากขึ้น
โดยที่ศูนย์จิณณ์ เวลเนส มี Wellness Assistant Program และ Well-Being Care Program ที่ช่วยตอบโจทย์ การดูแลสุขภาพให้กับคนไข้ ให้คำปรึกษาและประเมินการวางแผนป้องกันและต่อยอดรักษาตามเป้าหมายเฉพาะบุคคล เป็นศูนย์สุขภาพที่ดูแลครอบคลุมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นIntellectual, Emotional, Spiritual, Physical, Financial, Social และ Environmental โดยให้คำปรึกษา วางแผนและดูแลคนไข้ ตั้งแต่ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และจิตวิญญาณ ด้วยการนำศาสตร์ธรรมชาติบำบัดควบคู่นวัตกรรมการแพทย์แผนปัจจุบันผสมผสานกับแพทย์ทางเลือกด้วยการสร้างสรรค์โปรแกรมดูแลและส่งเสริมสุขภาพเชิงป้องกันจากโรคภัยต่างๆ โดยมีทีมสหวิชาชีพที่เป็นแพทย์ Wellness Specialist กว่า 20 ท่านร่วมให้คำปรึกษา วางแผนและดูแลคนไข้แบบ Patient Centric หรือคนไข้เป็นศูนย์กลาง เพราะมีทีมแพทย์แขนงต่างๆ เข้ามาช่วยดูแล
นอกจากนี้ศูนย์จิณณ์ เวลเนสยังมีแพทย์ทางเลือก (Homeopathist) และนักบำบัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชำนาญการด้านการฝังเข็ม การนวดบำบัด รวมถึงกิจกรรมศิลปะบำบัด (Art Therapy) และดนตรีบำบัด (Music Therapy) ที่พร้อมจะดูแล ที่สำคัญมีจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ (Jin Wellbeing County) ที่พร้อมจะดูคนไข้เพื่อการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจอย่างต่อเนื่องได้ ในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากที่อื่นด้วย