24 มิถุนายน 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดเวทีสานพลังชุมชนล้อมรักษ์ กรุงเทพมหานคร และชี้แจงแนวนโยบายและกระบวนการขับเคลื่อนงานสร้างรูปธรรม ชุมชนล้อมรักษ์ CBTx โดยมีผู้บริหารระดับสูงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยผู้แทนกรุงเทพมหานคร ทั้ง 50 เขตและผู้แทนภาคีเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพ เข้าร่วม
นายสมศักดิ์ กล่าวย้ำว่า ยาเสพติดเป็นปัญหาที่สำคัญของประเทศไทยและทั่วโลกซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของทั้งผู้เสพ คนในครอบครัวและชุมชน นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศอีกด้วยซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจังและได้เริ่มปฏิบัติการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน
รวมถึงการจับกุม ยึดทรัพย์ผู้ค้า จัดการเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง และเปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย ให้เข้ารับการบำบัด ลดความรุนแรงของปัญหาจิตเวชจากยาเสพติด
ในปี 2566 ประเทศไทย มีผู้ป่วยยาเสพติดประมาณ 1,900,000 คน โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
1.ผู้ป่วยกลุ่มสีแดง ซึ่งมีอาการรุนแรง หรือ ผู้ติดยาเสพติด 38,000 คนหรือประมาณ 2%
2.ผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง หรือผู้เสพ 450,000 คน หรือประมาณ 24%
3.ผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว หรือผู้ใช้ยาเสพติด 1,400,000 คน หรือ ประมาณ 74%
โดยชุมชนล้อมรักษ์ หรือ CBTx เป็นกระบวนการสำคัญ ที่ช่วยการดูแลสนับสนุน และฟื้นฟูผู้ป่วยที่ต้องการเลิกยาเสพติดผ่านการมีส่วนร่วมของชุมชน ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการได้สะดวก ไม่ต้องเดินทางไกล ได้รับการดูแลที่ครอบคลุมและต่อเนื่อง ทั้งทางการแพทย์ สภาพจิต สังคม การศึกษา และการฟื้นฟู พร้อมช่วยเสริมสร้างความรู้ และทักษะในการดูแลตนเอง และผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมามีชุมชนซึ่งเป็นฐานในการบำบัดผู้ป่วยยาเสพติด ประมาณ 10,000 แห่งและเมื่ออาการดีขึ้น สามารถส่งต่อไปยังศูนย์ฟื้นฟูสถานภาพทางสังคม กระทรวงมหาดไทย 3,258 แห่งเพื่อรับไปดูแลคืนคนดีสู่สังคมและมีกลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) เป็นกำลังสำคัญร่วมสร้างชุมชนเข้มแข็งป้องกันยาเสพติด
ส่วนหนังสือที่ได้มีการยื่นให้กับตนเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติดก็เห็นตรงกันแต่สิ่งที่ตั้งคำถามมา เป็นการทำงานแบบตั้งรับแต่ตนทำงานแบบรุกตั้งแต่อยู่กระทรวงยุติธรรมแล้วโดยได้แก้กฎหมายประมวลยาเสพติดเพื่อเน้นการยึดอายัดทรัพย์เพราะในอดีตเราไม่ได้ทำเชิงรุกเป็นการตั้งรับอย่างเดียว
โดยในแต่ละปีสามารถยึดทรัพย์ได้ไม่ถึง 20 ล้านบาททั้งที่แหล่งผลิตต้นทางมีมูลค่าถึง 7 หมื่นล้านเหรียญจึงมองว่าการแก้ยาเสพติดถ้าตั้งรับอย่างเดียวจะเหนื่อยมาก จึงมีการเปลี่ยนแนวทางเน้นการยึดทรัพย์ให้รางวัลคนแจ้งเบาะแส 5% รวมถึงตนก็เพิ่งเปลี่ยนแนวทางการทำคดี ผู้เสพเหลือ 1 เม็ดแต่ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ด้วยว่า เป็นผู้เสพพร้อมบอกว่าซื้อจากใครซึ่งก็จะได้ 1 ผู้เสพ และ 1 ผู้ขาย
สำหรับข้อเสนอให้ผู้พ้นโทษจากคดียาเสพติดสามารถทำงานเป็นราชการได้นั้น ผมยังไม่สามารถรับรองได้เพราะเกี่ยวข้องกับกฎหมายแต่การให้ทำงาน ผมก็พร้อมสนับสนุนเนื่องจากหากพ้นโทษออกมาแล้วว่างงานก็จะกระทำผิดซ้ำอีกโดยเรื่องนี้ เราเห็นตรงกันซึ่งตอนผมเป็น รมว.ยุติธรรมก็ได้ขับเคลื่อนนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ 5 ภาคเพื่อรองรับผู้พ้นโทษจากเรือนจำแล้วไม่มีงานทำ
นอกจากนี้นายสมศักดิ์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพิ่มเติมว่า เรื่องผู้เสพ 1 เม็ดต้องระบุผู้ขายนั้นเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ต้องมีการสอบสวนให้ลึกว่า ซื้อมาจากไหนซึ่งจะได้ทั้งผู้เสพไปบำบัดและผู้ขายรายเล็กที่จะนำไปขยายผลยึดทรัพย์ด้วย
เมื่อถามถึงเงินที่สามารถยึดทรัพย์ได้จะนำไปใช้อะไรบ้างนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เงินที่สามารถยึดทรัพย์ได้ ป.ป.ส.จะรวมเป็นกองทุนยาเสพติดแต่ยังไม่ได้นำงบประมาณมาใช้ในด้านจิตเวชซึ่งเรากำลังทำกฎหมาย ให้สามารถนำงบประมาณจากกองทุนยาเสพติดมาสนับสนุนการบำบัดผู้ติดยาเสพติดได้ โดยได้มอบหมายนายวิชัยร่วมกับกรมสุขภาพจิตเร่งดำเนินการ
ส่วน 30 บาทรักษาทุกที่ในพื้นที่กทม.ที่ยังไม่สามารถไปได้ทุกที่นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการเชื่อมเครือข่ายไว้ทั้งหมดแล้วแต่การรักษายังไม่ครบถ้วน โดย กทม.ยังไม่ถึงเวลาอย่างเป็นทางการจึงขออย่าเข้าใจผิดว่า ไปได้ทุกโรงพยาบาล ซึ่งที่เปิดเป็นทางการแล้วมี 45 จังหวัด
ส่วนปัญหาใบส่งตัวตนก็ได้รับทราบปัญหาแล้วและได้มอบหมายให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไปแก้ปัญหาให้ลดน้อยลงแล้ว