ยาเออร์กอท เป็นยาที่มีมานาน ใช้สำหรับบรรเทาอาการปวดศรีษะ ไมเกรน
อย่างไรก็ดี การรับประทานยาเออร์กอทมากเกินไปก็เกิดผลเสียต่อร่างกาย
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา (หมอธีระวัฒน์) ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว (ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha)โดยมีข้อความว่า
ยา “เออร์กอท” ใช้ไม่ถูก เส้นเลือด หัวใจ สมอง แขน ขาตัน
ยา “เออร์กอท” (Ergot) เป็นยาโบราณสกัดจากเชื้อราตั้งแต่ ศตวรรษที่ 16
และเนื่องจากมีคุณสมบัติเฉพาะในการบรรเทาอาการปวดศีรษะ ไมเกรน จึงมีการใช้มาหลายสิบปี ในชื่อทางการค้าที่รู้จักกันทั่วโลก คือ คาเฟอกอท
ซึ่งมีเออร์กอทในปริมาณ 1 มก. ร่วมกับคาเฟอีน 100 มก. นัยว่าคาเฟอีนช่วยให้กระเพาะอาหาร ลำไส้ ซึ่งสงบนิ่งขณะปวดไมเกรนจะได้มีการเคลื่อนตัว และยาดูดซึมเร็วขึ้น แต่มียาอีกหลายยี่ห้อที่มีสูตรของเออร์กอทในประเทศไทย
หมอธีระวัฒน์ ระบุด้วยว่า เออร์กอทมีลักษณะพิเศษ คือ
นอกจากนั้นการที่ทานยาบ่อยๆเกิน 3 เม็ดต่อสัปดาห์ กลับทำให้ไมเกรนกลับเป็นบ่อยๆ เป็นหนักขึ้นจากเดิม เช่น เคยปวดเดือนละ 2 ครั้ง กลายเป็น 4 เป็น 8 จนเป็นทุกวัน และรักษายากมากโดยที่ยาถอนพิษหลายตัวสามารถเพิ่มพลังให้เออร์กอทได้ เวลาถอนพิษด้วยการใช้ยาป้องกันไม่ให้ปวด ต้องงดยาแก้ปวดที่เป็นเออร์กอทเด็ดขาด ใช้ยาแก้ปวดตัวอื่นๆแทน
หมอธีระวัฒน์ ระยุอีกว่า ความที่เออร์กอทมีฤทธิ์เดชต่อเส้นเลือดให้หดขนาดลง ยังมีผลต่อสารสื่อประสาท ดังนั้นเมื่อเกิดอาการข้างเคียงอาจไม่ได้เป็นปรากฏการณ์ทางเส้นเลือดอย่างเดียว มือเท้าเขียว เย็น จับชีพจรไม่ได้
โดยถ้าให้ยาขยายหลอดเลือดไม่ทัน ถึงกับเนื้อตาย ต้องตัดแขน ขา หรือเส้นเลือดหัวใจ สมองตัน หัวใจวาย เป็นอัมพาต
ยังเป็นอาการทางสมองซึ่งเป็นอาการเด่นทางผลข้างเคียงของยาตัวอื่นๆที่ใช้ร่วมกันได้ด้วย
"เออร์กอท" เมื่อเพิ่มพลังของยาต้านซึมเศร้า ยาแก้ไอ dextrometho phan ยาแก้ปวด tramadol pentazocine meperidine ยาบรรเทาอาการพาร์กินสันที่เป็นเออร์กอทด้วยกัน เกิดอาการของซีโรโทนินเพิ่ม (serotonin syndrome) โดยมีอาการใจสั่น หนาวสั่น กระวนกระวาย จนถึงซึม ไม่รู้ตัว ชัก กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง
และสามารถเสริมฤทธิ์กับยาคัดจมูก ไซนัส เช่น pseudoephedrine จนใจสั่นเต้นผิดปกติ และยาลดความดัน ยาหัวใจ เช่น propranolol จนมีเส้นเลือดตีบ
ยาอื่นๆที่เพิ่มพลังให้เออร์กอทโดยการยับยั้ง CYP 3A4 ทำให้ระดับเออร์กอทพุ่งพรวดจนเสียชีวิต โดยเฉพาะคือยาในกลุ่ม ยารักษาโรคเอดส์ ยาฆ่าเชื้อรา ยาฆ่าเชื้อโรค macrolide ยาต้านซึมเศร้า ยาหัวใจบางชนิด
โดยมีผู้หญิงทานยาเออร์กอทวันละ 2 เม็ดเป็นประจำทุกวันอยู่เป็นปี เนื่องจากไมเกรน วันหนึ่งพบตกขาวในช่องคลอด ได้ยาฆ่าเชื้อรา เกิดอาการมือ เท้าเขียว ไม่มีชีพจร แต่เคราะห์ดีที่ให้ยาขยายเส้นเลือดตันในไอซียู
หรืออีกกรณีที่มีชายหนุ่มเสียชีวิต จากการกินยาชุดที่มีทั้ง ยาแก้ปวด ibuprofen tranmadol และเออร์กอท ในกรณีนี้อาจจะอธิบายจากการเพิ่มเสริมพลังและส่งผลมายังหัวใจ
และอีกหลายรายที่ทานยารักษาโรคเอดส์และร่างกายแข็งแรงดีเสียชีวิต หรือต้องตัดแขน ขา เมื่อได้ยาเออร์กอท เพียง 1 หรือ 2 เม็ดเท่านั้น
หมอธีระวัฒน์ ยังระบุอีกว่า มียาอย่างน้อย 572 ตัวที่สามารถเสริมเพิ่มพลังซึ่งกันและกันกับยาเออร์กอท โดยที่เกิดผลข้างเคียงมาก 106 ตัว ขนาดปานกลาง 434 ตัว และแบบน้อย 32 ตัว
(วันที่ 19 ตุลาคม 2558)
ก่อนสั่ง ก่อนใช้ ต้องรอบคอบ ทานยาอะไรอยู่ มีโรคประจำตัวอะไร ต้องบอกคุณหมอ เภสัชกร ก่อนได้ยา เนื่องจากมียาเสริมเพิ่มพลังเป็นร้อยตัว ถ้าไม่ใช้ได้จะเป็นการดี หรือถ้าใช้ต้องเป็นระยะสั้น ปริมาณน้อยที่สุด
ถ้าปวดไมเกรนบ่อยถี่ ต้องได้ยาป้องกันไม่ให้ปวดนะครับ อย่าลืมเป็นไมเกรน ไม่ตาย ไม่พิการ