ธุรกิจสินค้าและบริการด้านสุขภาพทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 4.4 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ และคาดการณ์ว่าในปี 2568 มูลค่าตลาดรวมจะเติบโตขึ้นถึง 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 230 ล้านล้านบาท โดยเวลเนสเป็นเซ็กเมนต์ที่เติบโตสูงที่สุดถึง 20.9% หรือมีมูลค่าประมาณ 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับประเทศไทยธุรกิจสุขภาพและเวลเนสเป็นตลาดที่ใหญ่พอสมควร ในปี 2562 ไทยมีนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 12.5 ล้านคนต่อปี สร้างรายได้ 4.09 แสนกว่าล้านบาท การจ้างงาน 5.3 แสนคน และในปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาราว 25-30 ล้านคน มีรายได้กว่า 2.5 หมื่นล้านบาท จากการเปิดประเทศ
การเติบโตอย่างต่อเนื่องทำให้มีผู้ประกอบการต่างหันมาลงทุนในธุรกิจเวลเนสมากขึ้น รวมถึง “มั่นคงเคหะการ” หรือ MK ที่คว่ำหวอดในตลาดอสังหาริมทรัพย์มานานกว่า 6 ทศวรรษ ที่วันนี้ดูเหมือนจะเติบโตได้ลำบากจากความความซบเซาของตลาดและการแข่งขันที่รุนแรง การเข้ามาถือหุ้นของ “บริษัท ฟินันซ่า จำกัด (มหาชน)” ในสัดส่วน 31.5% จึงมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นั่นคือ นโยบายชะลอการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ และเพิ่มการลงทุนในธุรกิจที่เป็นเทรนด์อนาคต
นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK และกรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เอ็กซ์ เวลเนส จำกัด หรือ RXW เปิดเผยถึงบิ๊กมูฟของมั่นคงเคหะการ ว่า อสังหาริมทรัพย์เป็นตลาดที่ไม่สนุกแล้ว project “RX Wellness” เป็นการพัฒนาของ “MK” ในอนาคตอสังหาริมทรัพย์จะมีความสำคัญน้อยลงเรื่อยๆ และสุดท้ายแล้วธุรกิจสุขภาพอาจขึ้นมาเป็นสัดส่วนรายได้ใหญ่ของกลุ่มเพราะมีอัตราการเติบโตประมาณ 25-28% ขณะที่การเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 12-13% เท่านั้น
โครงการแรกในพอร์ตธุรกิจสุขภาพของ “RX Wellness” คือ “รักษ เวลเนส บางกระเจ้า” เน้นการให้บริการสุขภาพที่เจาะจง เป้าหมายหลักเป็นชาวต่างชาติแต่ที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่เปิดประเทศ จึงต้องปรับแผนเน้นขายเมมเบอร์ให้กับคนไทยกว่า 400 เมมเบอร์ แต่ปัจจุบันหลังจากประเทศเปิดตัวเลขรายได้เริ่มกลับเข้าตามเป้าหมายโดยมีรายได้จากต่างประเทศมากกว่า 60-70% รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อคืนราว 45,000 บาทในปีนี้ตั้งเป้าสร้างรายได้ต่อเดือน 20 ล้านบาท และรายได้ตลอดทั้งปี 2567 แตะ 375 ล้านบาท
โครงการต่อมาคือ RXV Wellness Village อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ด้วยเงินทุน 700 ล้านบาทเป็นสัญญาเช่าจากเจ้าของที่ดินเดิม นอกจากอาคารเดิม 2 หลังยังมีพื้นที่สร้างใหม่อีก 4,000 ตารางเมตร บนพื้นที่ 100 ไร่ ห้องพัก 150 ห้อง โดยจะเปิดให้บริการในเฟสแรกจำนวน 83 ห้อง ให้บริการด้านเวลเนสตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย
และธุรกิจสุดท้าย BH Medical Village ภายใต้ความร่วมมือกับ “โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์” ในพื้นที่เดียวกับรักษ เวลเนส บางกระเจ้า ในลักษณะ “วิลล่า รีแฮบ” ในการรองรับผู้ป่วยหลังผ่าตัดจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มารักษาและฟื้นฟู โดยในเฟสแรกจะเริ่มจาก 5 วิลล่าและอาจขยายไปได้ถึง 8-10 วิลล่าในอนาคต
“ความร่วมกับโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มี 2 แบรนด์ ที่เราทำอยู่คือ “ไวทัลไลฟ์” ให้บริการด้านการชะลอวัย เดิมเรามีการเซ็นสัญญาในการแชร์กำไรระหว่างกัน แต่ในเดือนเมษายนนี้จะมีการแปลงสัญญาให้เป็น “ไวทัลไลฟ์ แฟรนไชส์” ทำให้รายได้หลังจากนี้จะเข้า RX Wellness 100% แต่ผู้ให้บริการยังเป็น ไวทัลไลฟ์ โดยเราจะจ่ายค่าแฟรนไชส์ให้กับบำรุงราษฎร์"
“วรสิทธิ์” เล่าอีกว่า เรายอมรับว่าที่ผ่านมาเราอาจจะไม่เด่นในเรื่องของแบรนด์ เราจึงใช้เวลา 2 ปีในการสร้างแบรนด์ขึ้นมา ไม่ใช่สร้างโลเคชั่น เราต้องการเป็นผู้นำธุรกิจให้บริการด้านสุขภาพให้ครบทุกมิติของการดูแลสุขภาพ โดยเริ่มต้นที่ธุรกิจเวลเนส เป็น Long-term การกระโดดไปต่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็นเพราะถ้าเราต้องการนำ “RAKxa” ไปแข่งกับแบรนด์ระดับโลก ทั่วโลกจะต้องเข้าใจคอนเซ็ปต์และรู้จักแบรนด์ของเรา ถ้าเราอยู่เมืองไทยเฉยๆมันยากที่จะเกิด”
สำหรับต่างประเทศจะเริ่มจากการบุกตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นที่แรกและตามด้วยยุโรป ด้วยแบรนด์ “RAKxa” ปัจจุบันได้บรรลุความร่วมมือกับ St. Regis ในเมืองแอสเพน รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา ในการเปลี่ยนสปารูมจำนวน 20 ห้องให้เป็น RAKxa Spa ด้วยงบลงทุนไม่เกิน 100 ล้านบาท ในลักษณะการเช่าพื้นที่ ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในสิ้นปีนี้
รวมทั้งอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตก่อสร้าง Wellness retreat with approximately 25 ห้องบนที่ดินกว่าพันไร่ของ current hotel ในสหรัฐอเมริกาเช่นกัน ด้วยงบลงทุนกว่า 700 ล้านบาท แบ่งเป็นการซื้อที่ดิน 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐและงบการก่อสร้างอาคารใหม่ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างปลายปี 2568 และเปิดบริการปี 2569
โดยบริษัทตั้งใจให้ RAKxa เป็น fully integrated wellness retreat โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็น ลักซูรี่ ไฮเอนด์ เพื่อแข่งกับแบรนด์เวิลด์คลาส ในยุโรปและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายในการเป็น world class wellness brand นอกจากความแข็งแกร่งทางการแพทย์จากไวทัลไลฟ์ ความแตกต่างของ RAKxa กับแบรนด์เวิลด์คลาสในยุโรป คืออัตลักษณ์ความเป็นไทย การให้บริการที่อ่อนน้อมทำให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าที่มาจากหลากหลายประเทศและสามารถดูแลสุขภาพลูกค้าได้ดีขึ้น
“Global Strategic Growth ของแบรนด์ที่เรามองคือ RAKxa จะเป็นแบรนด์ที่เป็น global standard เพราะฉะนั้นโลเคชั่นต่อไปของเรา 1. จะต้องลักชัวรี การที่ได้อยู่กับ St. Regis ซึ่งเป็น luxury brand ของ Marriott จะทำให้เราสามารถเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากต่างชาติมากขึ้นและเร็วขึ้น
โดยเราจะทำให้ RAKxa เป็น Wellness Spa ที่มากไปกว่า hotel spa เราเพิ่มทรีทเม้นท์ที่ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังจากออกกำลังกายทรีทเม้นท์ที่ช่วยดูแลผิวจากอากาศเย็นหรืออากาศแห้ง ลูกค้าจะได้ทั้ง Health และ Benefit จากนั้นเราจะเปิดตัว “Fully integrated wellness RAKxa” ที่อเมริกาในลักษณะ luxury high-end มีวิลล่า 20 ห้อง เราจะใช้โมเดลเมมเบอร์ชิพเพื่อเข้ามาดูแลกลุ่มคนที่มีเงิน ซึ่งจะเชื่อมกับธุรกิจอื่นๆของเราทั้งในไทยและเอสเพน เมมเบอร์สามารถใช้บริการได้ทุกที่”
นอกจากนี้เพื่อต่อเกม เวลเนส ให้ครบทั้งวงจร อีกหนึ่งธุรกิจที่ได้เห็นในปีนี้คือ RX Wellness Store ที่ผู้บริหารมองว่าจำเป็นต้องมี เพื่อให้ผู้ที่รับบริการจาก RAKxa หรือ RXV สามารถกลับไปดูแลสุขภาพตัวเองเพิ่มเติมได้ที่บ้าน โดยวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ใน RAKxa และ RXV ทั้งสบู่อาบน้ำ โลชั่นทาผิวปลอดสารเคมี ชุดออกกำลังกาย อุปกรณ์โฮมยิม Spa produce และ food item เป็นต้น
“ปี 2567 เราตั้งเป้ารายได้ 700 ล้านบาท ส่วนในปีนี้คาดว่าจะสามารถทำรายได้ 300-350 ล้านบาทจาก RAKxa เวลเนส บางกระเจ้า 200 ล้านบาท RXV Wellness Village 100 ล้านบาท และ BH Medical Village 30-40 ล้านบาท ตอนนี้เราวาง RAKxa และ RXV เป็นแฟล็กชิพของแบรนด์ ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากชาวต่างชาติทั้งยุโรปและตะวันออกกลาง 60-70% ซึ่งตอนนี้เรากำลังดูลูกค้าจากอเมริกาและประเทศจีน”
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,870 วันที่ 16 - 18 มีนาคม พ.ศ. 2566