"กรมอนามัย" เปิด "วิธีเช็กโซเดียม" ใน 1 วันไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม

21 มี.ค. 2566 | 03:32 น.
อัปเดตล่าสุด :21 มี.ค. 2566 | 03:32 น.

"กรมอนามัย" เปิด "วิธีเช็กโซเดียม" ใน 1 วันไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม แนะใส่ใจการปรับพฤติกรรมการบริโภค ลดการกินอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็ม และลดการปรุงอาหารรสจัด

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า กรมอนามัยแนะนำวิธีเช็กโซเดียมใน 1 วัน เพื่อให้ประชาชนไม่สับสนและเข้าใจง่าย สำหรับดูแลสุขภาพตนเอง และคนรอบข้างเพื่อการมีสุขภาพที่ดี

สำหรับการป้องกันตนเองเพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับโซเดียมต่อวัน ในปริมาณที่มากเกินไป หรือ เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ได้แก่

  • เช็กเครื่องปรุงอาหาร โดยปกติการปรุงอาหาร มักจะใช้เครื่องปรุงหลากหลายชนิดเพื่อความอร่อยและกลมกล่อม ทั้งนี้ เครื่องปรุงแต่ละชนิดมีปริมาณโซเดียมที่แตกต่างกัน เมื่อเทียบปริมาณโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม จึงเท่ากับ เกลือ 1 ช้อนชา เทียบกับ น้ำปลา 4 ช้อนชา ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส 6 ช้อนชา หรือซอสหอยนางรม 4 ช้อนโต๊ะ เป็นต้น แต่การปรุงอาหารในแต่ละครั้ง จะใส่เครื่องปรุงรส มากกว่า 1 ชนิด และอาหารบางชนิดอาจมีการเติมเครื่องปรุงรสต่างๆ เพิ่มเติม ซึ่งอาจส่งผลให้ได้รับปริมาณโซเดียมในแต่ละวันเกินได้
  • อ่านฉลากโภชนาการ ด้วยการสังเกตปริมาณโซเดียมบนบรรจุภัณฑ์ ทั้งแบบที่เป็นฉลาก GDA (Guideline Daily Amount) หรือฉลากหวาน มัน เค็ม เป็นฉลากนอกกรอบขนาดเล็กที่จะแสดงข้อมูลโภชนาการ โดยแสดงค่าพลังงาน (กิโลแคลอรี) น้ำตาล (กรัม) ไขมัน (กรัม) และโซเดียม (มิลลิกรัม) มาแสดงที่ฉลากด้านหน้าบรรจุภัณฑ์ และจะระบุค่าร้อยละของที่ร่างกายให้ได้รับต่อวันด้วย หากบนฉลากระบุปริมาณโซเดียม 500 มิลลิกรัม คิดเป็น 25% ของปริมาณที่ร่างกายได้รับต่อวัน ดังนั้น หากกินอาหารนั้นจนหมดร่างกายจะเหลือปริมาณโซเดียมที่ควรได้รับอีกเพียง 1,500 มิลลิกรัม 

ทั้งนี้ การระบุปริมาณ "โซเดียม" ไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม มีความชัดเจนในทางวิชาการเพื่อดูแลและป้องกันโรค สำหรับประชาชนการนับปริมาณโซเดียมที่ได้รับจากอาหารในแต่ละวันอาจเป็นเรื่องสลับซับซ้อน เช่น โซเดียมแฝงในอาหารบางชนิดที่ไม่สามารถระบุได้ หรือการปรุงอาหารในปริมาณมาก แบ่งกินหลายมื้อ หรือแบ่งกินหลายคน ก็จะช่วยแบ่งปริมาณโซเดียมปริมาณโซเดียมที่ได้รับออกไป 

"ประชาชนควรหันมาใส่ใจในการปรับพฤติกรรมการบริโภค ลดการกินอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็ม ลดการปรุงอาหารรสจัด และเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูง รวมทั้งเพิ่มการกินผักและผลไม้ เพิ่มการออกกำลังกายเพื่อการมีสุขภาพที่ดี”