"PM 2.5" ส่งผลเสียต่อสุขภาพระยะยาวยังไงบ้าง น่ากลัวแค่ไหน เช็คเลย

11 เม.ย. 2566 | 08:17 น.
อัปเดตล่าสุด :11 เม.ย. 2566 | 08:17 น.

"PM 2.5" ส่งผลเสียต่อสุขภาพระยะยาวยังไงบ้าง น่ากลัวแค่ไหน เช็คเลยที่นี่มีคำตอบ หมอธีระแนะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อให้ประชาชนลดความเสี่ยง

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความระบุึงผลต่อสุขภาพระยะยาวจากมลภาวะฝุ่น PM2.5 ว่ามีอะไรบ้าง ประกอบด้วย  

โรคสมองเสื่อม

  • ปริมาณความเข้มข้นของ PM2.5 โดยเฉลี่ยต่อปี ที่เพิ่มขึ้น"ทุกๆ 2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร" จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมมากขึ้น 4%

โรคหัวใจและหลอดเลือด

  • การอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ความเข้มข้นของฝุ่น PM2.5 เพิ่มขึ้น"ทุกๆ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร" จะทำให้มีอัตราการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันเพิ่มขึ้น 8% และมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเพิ่มขึ้น 23%  นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องหัวใจและหลอดเลือด 14%

โรคหลอดเลือดสมอง

  • การอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ความเข้มข้นของฝุ่น PM2.5 เพิ่มขึ้น"ทุกๆ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร" จะทำให้มีอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันเพิ่มขึ้น 13% และความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น 24% 

มะเร็งปอด

  • การอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ความเข้มข้นของฝุ่น PM2.5 เพิ่มขึ้น"ทุกๆ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร" จะทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งปอดเพิ่มขึ้น 16% 

ยังไม่นับสัจธรรมเรื่องการทำให้เกิดปัญหาระคายเคืองระบบทางเดินหายใจส่วนบน หลอดลมอักเสบเรื้อรัง รวมถึงการกำเริบของโรคประจำตัวอื่นๆ เช่น หอบหืด และหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง

หมอธีระ ยังมีข้อแนะนำสำหรับกรณีของประเทศไทยด้วยว่า นอกเหนือไปจากการที่รัฐบาลต้องจัดการแหล่งต้นตอของฝุ่น PM2.5 ทั้งในประเทศและนอกประเทศแล้ว ยังควรดำเนินการเรื่องสำคัญต่อไปนี้ด้วย

  • การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อให้ประชาชนลดความเสี่ยงต่อการสัมผัส PM2.5 ในแต่ละช่วงเวลาของปีที่เกิดวิกฤติ ทั้งที่บ้าน ที่เรียน ที่ทำงาน ที่ค้าขาย
  • การลงทุนโครงการศึกษาวิจัยขนาดใหญ่ระยะยาว เพื่อติดตามผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาวในประชากรทั้งภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นตรวจคัดกรองโรคทางเดินหายใจ มะเร็งปอด และบรรดาโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถตรวจพบโรคได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และเข้ารับการดูแลรักษาได้เร็ว
  • การสร้างนวัตกรรมอย่างเป็นระบบ เพื่อพัฒนาระบบ วิธีการ และอุปกรณ์ป้องกันทั้งระดับบุคคล และระดับชุมชน เพื่อช่วยในการจัดการดูแลตนเองและครอบครัว และเพื่อต่อสู้กับมวลฝุ่น PM2.5 ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อให้ได้ระบบ วิธีการ และอุปกรณ์ที่เข้าถึงได้ง่าย ราคาไม่แพง และมีประสิทธิภาพสำหรับประชาชนทุกคนทุกเศรษฐานะ
  • การประเมินผลกระทบทางเศรษฐศาสตร์สาธารณสุขจากโรคภัยไข้เจ็บระยะยาวที่เกิดขึ้นจากวิกฤติ PM2.5 เพื่อนำไปวางแผนจัดการระบบการเงินการคลัง เตรียมงบประมาณและทรัพยากรที่จำเป็น และจัดระบบบริการสาธารณสุขให้เพียงพอและพร้อมรับมือปัญหาสุขภาพของประชาชนในแต่ละพื้นที่ในอนาคต