นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสเฟสบุ๊กส่วนตัว (Yong Poovorawan) เกี่ยวกับคำถามเรื่องควรฉีดวัคซีนโควิดหรือไม่ ซึ่งเป็นคำถามที่พบบ่อยว่า
สถานการณ์โควิด 19 มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ขณะนี้เข้าปีที่ 4
เริ่มต้นความรุนแรงของโรคสูง จึงจัดว่าเป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรง เราแย่งหาวัคซีน
อย่างไรก็ดี เมื่อความรุนแรงของโรคลดลง ในอีก 2 ปีต่อมาก็เปลี่ยนเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง และในปัจจุบันนี้โควิด 19 ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นโรคประจำฤดูกาล
การให้วัคซีนก็ปรับเป็นการให้วัคซีนแบบโรคประจำฤดูกาล จะให้ก่อนเข้าสู่ฤดูกาลของโรค และจะปรับเป็นปีละครั้งเช่นเดียวกันกับไข้หวัดใหญ่
หมอยง บอกอีกว่า ฤดูกาลของโรคที่จะมีการระบาดเพิ่มสูงขึ้น ในแต่ละประเทศจะไม่เหมือนกัน เช่นซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ ที่มีฤดูหนาว การระบาดของโรคก็จะเกิดขึ้นในฤดูหนาว
ส่วนประเทศไทยอยู่ในเขตร้อนชื้น ถึงแม้ว่าจะอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร แต่ก็ไม่มีฤดูหนาวที่แท้จริง มีร้อนมาก กับร้อนน้อย การระบาดของโรคในประเทศไทยจึงพบได้ตลอดปี แต่จะพบสูงสุดในต้นฤดูฝน หรือการเปิดเทอมแรกของนักเรียน
หมอยง ยืนยันว่า วัคซีนไม่สามารถป้องกันการติดโรคได้เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ แต่สามารถลดความรุนแรงของโรคได้
การให้วัคซีนจึงมุ่งเน้นในกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง 608 ผู้คนที่อยู่หนาแน่นเช่นในเรือนจำ เรือนทหาร และบุคลากรทางการแพทย์ที่มีแนวโน้มที่จะเสี่ยงติดทั้งโรคง่าย ควรให้ตามฤดูกาลปีละ 1 ครั้ง
ส่วนเวลาที่เหมาะสมในการให้วัคซีนสำหรับประเทศไทยนั้น หมอยงบอกว่าคือก่อนที่จะมีการระบาดของโรคที่จะเกิดขึ้นในการเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป
ดังนั้นเวลาที่ให้วัคซีนที่เหมาะสมประจำปีจึงเป็นปลายเดือนเมษายน พฤษภาคม ของทุกปี
ดังนั้นผู้ที่ได้รับวัคซีนมานานแล้วเกินกว่า 3-6 เดือนขึ้นไป และอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรให้วัคซีนประจำฤดูกาลปีละ 1 ครั้ง
ในปีนี้สามารถเริ่มให้ได้เลยก่อนที่จะมีการระบาดของโรค โดยใช้สายพันธุ์ที่ใกล้เคียงที่สุดที่มีอยู่ แล้วค่อยไปให้ปีหน้าอีก 1 ครั้ง ทุกอย่างก็จะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่
ในคนปกติก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจเช่นเดียวกันกับไข้หวัดใหญ่ แต่ผู้ที่จะได้ประโยชน์สูงสุดคือกลุ่มเปราะบางดังที่ได้กล่าวมาแล้ว เพื่อลดความรุนแรงของโรค