ไข่ต้มกลายเป็นกระแสดราม่าในสังคม หลังจากที่เฟสบุ๊กแฟนเพจ “มาดามแคชเมียร์” ได้โพสต์ภาพหนังสือ “ภาษาไทยพาที” หนังสือเรียนวิชาภาษาไทยของนักเรียนชั้น ป.5 ที่เนื้อหาบางส่วน โดยเฉพาะการบรรยายการกินของเด็กที่มีอาหารเป็นผัดผักบุ้งและไข่ต้มครึ่งซีก ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตจำนวนมาก
ล่าสุดนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากกรณีข่าวเกี่ยวกับการกินไข่ต้มกับน้ำปลา เพื่อให้กินกับและข้าวได้อย่างพอดีกัน และกินคลุกกับน้ำราดผักบุ้ง นั้น กรมอนามัยขอแนะนำว่าการกินลักษณะนี้ไม่เหมาะสมตามหลักโภชนาการ
ทั้งนี้ เนื่องจากเด็กวัยเรียนเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลากหลายชนิดในปริมาณและสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อให้ได้คุณค่าทางโภชนาการเหมาะสมกับการเจริญเติบโต
การกินข้าวไข่ต้มคลุกน้ำปลา และราดน้ำผัดผักบุ้ง จะส่งผลให้เด็กได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนโดยเฉพาะโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารจากการกินไข่และผักไม่เพียงพอ ได้รับโซเดียมมากเกินไปจากน้ำปลา และน้ำราดผักบุ้ง รวมทั้งอาจได้รับพลังงานจากการกินข้าวมากเกินไป เพราะกินผักและไข่น้อย ไม่อิ่มท้อง
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า แม้ไข่จะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่การบริโภคไข่อย่างเดียวเป็นประจำ ทำให้เด็กวัยเรียนได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต เด็กวัยเรียนควรกินไข่ร่วมกับอาหารอื่นให้ได้สัดส่วนตามธงโภชนาการ
โดยเด็กวัยนี้ ควรกินไข่วันละ 1 ฟอง ควบคู่กับการดื่มนมจืด กินข้าว เนื้อสัตว์ ผักและผลไม้อย่างหลากหลายในสัดส่วนที่เหมาะสมตามธงโภชนาการ
เด็กอายุ 6 -14 ปี ควรได้รับพลังงานเฉลี่ยประมาณวันละ 1,600 กิโลแคลอรี โดยเฉลี่ยใน 1 มื้อควรกินข้าวหรือแป้ง 2-3 ทัพพี เนื้อสัตว์ 3-4 ช้อนกินข้าว ผัก 3-4 ช้อนกินข้าว ผลไม้ 6 – 8 ชิ้นพอดีคำทุกมื้อ ร่วมกับนม 2 แก้วต่อวัน
รวมถึงควรฝึกให้เด็กกินอาหารที่ลดหวาน มัน เค็ม ลดการเติมเครื่องปรุงรส ลดเครื่องดื่มรสหวาน ชานมไข่มุก น้ำอัดลม ควบคุมการซื้อขนมกรุบกรอบ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก ลูกชิ้น จัดให้มีนมรสจืด และผลไม้ติดตู้เย็น ติดบ้าน อยู่เสมอ ดื่มน้ำเปล่าสะอาด 6 - 8 แก้วต่อวัน