นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคหืด เป็นโรคที่พบมากขึ้นในประเทศไทย โดยโรคหืดเกิดจากการอักเสบเรื้อรังของหลอดลมที่มีความไวต่อสิ่งที่มากระตุ้นมากผิดปกติ
ทั้งนี้ โรคหืดสามารถเกิดได้หลายกลไก ซึ่งบางครั้งพบผู้ป่วยมีอาการตั้งแต่เด็ก และในบางครั้งเมื่อสูงอายุ รวมถึงผู้ที่มีภาวะอ้วน ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคหืดมีหลายปัจจัย เช่น การถ่ายทอดทางพันธุกรรม และสิ่งแวดล้อม อาทิ มลพิษทางอากาศ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ร้อนจัด เย็นจัด ฝนตก อากาศชื้นหรือชื้น น้ำหอม น้ำยาหรือสารเคมี สัตว์เลี้ยง ไรฝุ่น ฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นต้น
ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งกระตุ้นปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ของโรคหอบหืด ดังนั้นผู้ป่วยควรได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง เพื่อลดความรุนแรงของโรค เพราะหากปล่อยไว้อาจเกิดการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม นำไปสู่การเกิดการหนาตัวของหลอดลม มีผลทำให้มีการอุดกั้นของหลอดลมอย่างถาวรอันตรายถึงชีวิต
นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวว่า ผู้ป่วยโรคหอบหืดมักจะพบอาการ คือ
ปัจจุบันโรคหืดยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมอาการได้ หากได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีและเคร่งครัด
อย่างไรก็ดี แพทย์จะทำการวินิจฉัยผู้ป่วยถึงความรุนแรงของอาการผู้ป่วย เพื่อนำไปสู่แนวทางการรักษาและการป้องกันความรุนแรงของโรค ดังนี้
"ผู้ป่วยควรดูแลตนเองและควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอและที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่คิดว่าจะทำให้เกิดอาการกำเริบ เพื่อลดการเกิดความรุนแรงของโรค ลดโอกาสการเสียชีวิต"