โรคปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ หรือโรคเดอกาแวง (de Quervain’s Stenosing Tenosynovitis) เป็นโรคที่พบได้บ่อย เกิดจากการอักเสบของเส้นเอ็นและปลอกหุ้มเส้นเอ็นบริเวณข้อมือ ผู้ป่วยมักมีอาการปวดข้อมือบริเวณฝั่งนิ้วหัวแม่มือ
โดยเฉพาะในขณะทำงานที่ต้องกำมือหรือขยับข้อมือ ภาวะนี้พบได้บ่อยในผู้ป่วย อายุประมาณ 30-50 ปี
ทั้งนี้ ผู้หญิงมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ชาย ประมาณ 8-10 เท่า โดยผู้ป่วยจะมีอาการปวดข้อมือ บริเวณโคนนิ้วหัวแม่มือซึ่งเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด โดยมักจะมีอาการในช่วงกลางคืน
นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า สาเหตุที่แท้ของ "โรคปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ" ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่พบว่ามี ความสัมพันธ์กับการเกิดโรคนี้ได้แก่
นายแพทย์อดิศักดิ์ งามขจรวิวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน กล่าวว่า โรคดังกล่าวนี้สามารถให้การวินิจฉัยจากอาการ ตำแหน่งที่ปวด และจากการตรวจร่างกาย โดย แพทย์อาจใช้การตรวจ ฟินเคิลสไตน์
โดยจะทำการบิดข้อมือ ของผู้ป่วยไปทางด้านนิ้วก้อย ถ้าผู้ป่วยเป็น "โรคปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ" จะมีอาการปวดข้อมือฝั่งนิ้วหัวแม่มือมากขึ้น การตรวจวินิจฉัยทางรังสี อื่นๆไม่มีความจำเป็นหากแพทย์ไม่ได้สงสัย ภาวะอื่น
นายแพทย์ปิยบุตร กิตติธรรมวงศ์ ศัลยแพทย์หน่วยศัลยกรรมรยางค์ส่วนบนและจุลศัลยกรรม สถาบันออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลเลิดสิน กล่าวว่า การรักษาโรคปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมืออักเสบมีทั้ง การรักษาโดยไม่ผ่าตัด และการรักษาด้วยการผ่าตัด
อย่างไรก็ดี โดยทั่วไปแพทย์จะเริ่มต้น การรักษาด้วยวิธีไม่ผ่าตัดก่อน โดยหลีกเลี่ยงการใช้งานข้อมือในท่าซ้ำๆ หรือใส่อุปกรณ์ดามข้อมือและนิ้วโป้ง เพื่อลดการเคลื่อนไหว รับประทานยาแก้อักเสบชนิดไม่มีสเตียรอยด์
ในบางรายที่มีอาการรุนแรง หรือไม่ตอบสนอง ต่อวิธีข้างต้น แพทย์อาจพิจารณาฉีดยาสเตียรอยด์เข้าในปลอกหุ้มเส้นเอ็นเพื่อลดการอักเสบ โดยทั่วไปแนะนำว่าไม่ควรฉีดยาเกิน 2 ครั้ง
ส่วนการรักษาด้วยการผ่าตัด มีจุดประสงค์ที่จะเปิดปลอกหุ้มเอ็นออก เพื่อลดการเบียดรัดเส้นเอ็นภายในปลอกหุ้มเอ็น แพทย์จะพิจารณาผ่าตัดในกรณีที่ผู้ป่วย รับการรักษาโดยวิธีอื่น แล้วอาการไม่ดีขึ้น