ไข้เลือดออกจะเกิดการแพร่ระบาดได้ง่ายในช่วงหน้าฝน และขณะนี้ประเทศไทยเองก็กำลังจะเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ ประเด็นที่สำคัญที่ได้รับความสนใจขก็คือ ไข้เลือดออกอาการอย่างไร ห้ามกินยาชนิดไหน
"ฐานเศรษฐกิจ" จึงถือโอกาสหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคไข้ออกมามานำเสนอ เพื่อให้ได้คอยสังเกตุอาการของตนเอง รวมถึงคนใกล้ชิด และหาวิธีป้องกัน
ไข้เลือดออกเป็นโรคที่เกิดจากยุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งมักระบาดในช่วงฤดูฝน เนื่องจากเมื่อฝนตกจะทำให้เกิดน้าขังในภาชนะต่างๆ กลายเป็นแหล่งวางไข่ของยุง ส่งผลให้ยุงพาหะชุกชุมมากขึ้น ประชาชนจึงอาจเสี่ยงป่วย "โรคไข้เลือดออก"
อาการไข้เลือดออก
ต่อมาไข้จะลดลง ในระยะนี้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจเกิดภาวะช็อกและเสียชีวิตได้ ซึ่งลักษณะอาการบางอย่างของโรคไข้เลือดออก อาจมีอาการคล้ายกับโรคโควิด 19
ขอให้สังเกตอาการป่วยของคนในครอบครัว หากมีไข้สูงลอยเกิน 2 วัน และเช็ดตัวหรือกินยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลดลง ขอให้คิดว่าอาจป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก
ยาห้ามรับประทาน
ไข้เลือกออกไม่ควรซื้อยามารับประทานเองโดยเฉพาะยาในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) ได้แก่
เนื่องจากมีผลทำให้เลือดออกในทางเดินอาหารได้ง่าย และยากต่อการรักษา ทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิต ให้รีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์หรือสถานบริการสาธารณสุขที่อยู่ใกล้บ้าน เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัย ประเมินอาการ เพื่อที่จะได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว จะช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตได้
โดยปัจจุบันมีการใช้ชุดตรวจโรคไข้เลือดออกชนิดรวดเร็ว (Dengue Rapid Diagnosis Test) ทำให้สามารถวินิจฉัยผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกได้เร็วมากขึ้น
วิธีป้องกัน
การป้องกันโรคไข้เลือดออกให้ได้ผลดีที่สุด คือการป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงกัด โดยการทายากันยุงหรือนอนในมุ้ง กำจัดแหล่งวางไข่ยุงลายรอบบ้าน ทำลายภาชนะที่มีน้ำขัง หรือใช้ทรายกำจัดลูกน้ำบริเวณน้ำขัง และที่สำคัญต้องไม่สร้างแหล่งวางไข่ยุงลายเพิ่มขึ้น
ให้ยึดหลัก “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” ได้แก่
ข้อมูล : กรมควบคุมโรค