ประเทศนิวซีแลนด์ประกาศมาตรการใหม่ที่กำหนดห้ามมิให้ผู้ที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2552(ค.ศ. 2009) เป็นต้นไป สามารถซื้อบุหรี่หรือผลิตภัณฑ์ยาสูบใดๆ เพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นประเทศปลอดบุหรี่ภายในปี 2025 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าวไม่รวมถึงการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในแง่ของอัตราการสูบบุหรี่ในนิวซีแลนด์ โดยข้อมูลสถิติล่าสุดระบุว่าอัตราของผู้สูบบุหรี่ที่เป็นผู้ใหญ่ลดลงจาก 16% เหลือเพียง 8% ภายในระยะเวลา 10 ปี
ขณะที่อัตราของผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่เป็นผู้ใหญ่เพิ่มขึ้นจาก 1% เป็น 8.3% ในระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสถิติเพิ่มเติมยังระบุว่า กลุ่มชาติพันธุ์ เช่น กลุ่มชนเผ่าเมารี มีอัตราของผู้สูบบุหรี่ที่เป็นผู้ใหญ่(เพศหญิง)ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาลดลงกว่า 3 เท่า สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของอัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในผู้ใหญ่
อย่างไรก็ตาม การใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มเยาวชนก็เป็นความกังวลของรัฐบาลนิวซีแลนด์เช่นกัน รัฐบาลจึงได้ออกประกาศห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023 เป็นต้นไป เพื่อป้องกันการเพิ่มขึ้นของการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน
รวมถึงไม่อนุญาตให้เปิดร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าใกล้โรงเรียนและสถานที่พบปะของชนเผ่าเมารี ที่เป็นชนพื้นเมืองของนิวซีแลนด์ ห้ามการตั้งชื่อบุหรี่ไฟฟ้าให้คล้ายขนม และกำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้าต้องมีกลไกป้องกันการเข้าถึงของเยาวชน ความตั้งใจของมาตรการนี้ก็เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการป้องกันไม่ให้เยาวชนกลายเป็นผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าหน้าใหม่ และการให้โอกาสกับผู้สูบบุหรี่ที่ต้องการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นตัวช่วยในการเลิกการสูบบุหรี่แบบมวน
ขณะที่ในการประชุมสุดยอดบุหรี่ไฟฟ้าแห่งสหรัฐอเมริกา ประจำปี 2023 หรือ The E-cigarette Summit USA 2023 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นาย Ben Youdan ผู้อำนวยการแห่ง Youdan Consulting ในประเทศนิวซีแลนด์ ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า นิวซีแลนด์มีเป้าหมายในการลดอัตราการสูบบุหรี่ให้ต่ำกว่า 5% ภายในปี 2025 โดยในเดือนธันวาคม 2022 รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ผ่านประกาศมาตรการที่จะเผด็จศึก (Endgame) การสูบบุหรี่ซึ่งรวมถึงนโยบายควบคุมยาสูบที่เข้มงวดที่สุดในโลก
โดยกฎหมายจะมีผลบังคับใช้ภายในปี 2025 ซึ่งจะลดปริมาณการขายปลีกบุหรี่ลงเกือบ 90% รวมถึงกำหนดให้บุหรี่มีอันตรายน้อยลง และห้ามขายบุหรี่ให้กับใครก็ตามที่เกิดหลังเดือนมกราคม 2009
รัฐบาลตระหนักดีว่าบุหรี่ไฟฟ้าช่วยทำให้นโยบายเชิงรุกเกี่ยวกับการลดปริมาณการบริโภคบุหรี่มวนเป็นไปได้จริง เพราะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อัตราการสูบบุหรี่ของผู้ใหญ่และเยาวชนลดลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ประเทศนิวซีแลนด์จึงยังคงอนุญาตให้การซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้าเป็นไปได้อย่างถูกกฎหมาย
ทั้งนี้กฎหมาย 'Endgame' ของนิวซีแลนด์ระบุ ห้ามไม่ให้ขายบุหรี่ให้กับผู้เยาว์ ห้ามขายบุหรี่หากไม่ใช่ร้านค้าปลีกที่ได้รับอนุญาต และห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอนามัย
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าเป้าหมายของนิวซีแลนด์ไม่ใช่การพุ่งเป้าไปที่การลดการบริโภคนิโคติน แต่เป็นการลดการสูบบุหรี่มวน โดยปัจจุบันนิวซีแลนด์เหลือเวลาอีก 2 ปีที่จะบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ที่เข้มงวดที่สุดในโลก รวมถึงศึกษาผลกระทบของนโยบายดังกล่าวต่อสุขภาพของประชาชน ผลกระทบต่อสังคม และผลกระทบต่อความเท่าเทียมด้านสุขภาพ
ซึ่งอาจเป็นกรณีศึกษาให้กับประเทศไทยในแง่ของการนำบุหรี่ไฟฟ้ามาควบคุมให้ชัดเจนและถูกกฎหมาย เพื่อป้องกันการเข้าถึงของเยาวชน รวมถึงลดผลกระทบต่อรายได้ภาษีของประเทศ สิทธิที่จะเข้าถึงทางเลือกของผู้บริโภค การรีดไถประชาชน และสุขภาพของผู้สูบบุหรี่กว่า 9.9 ล้านคนในไทย