พลังงานเร่งทำแผนพลังงานชาติแยกรายสาขามุ่งเป้า "์Net Zero"

19 มิ.ย. 2566 | 08:48 น.
อัปเดตล่าสุด :19 มิ.ย. 2566 | 08:48 น.

พลังงานเร่งทำแผนพลังงานชาติแยกรายสาขามุ่งเป้า "์Net Zero" เตรียมจัดงานพลังงานและสิ่งแวดล้อม ASEAN Sustainable Energy Week 2023 (ASEW) ขับเคลื่อนธุรกิจไทยเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด

ดร. พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การจัดหาพลังงานให้เพียงพอ รวมทั้งการพัฒนาด้านพลังงานสะอาดเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนที่ทุกประเทศทั่วโลกต้องเร่งพัฒนาเพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลจากต่างประเทศ และตอบสนองต่อพันธกิจของกระทรวงพลังงานในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคพลังงาน 

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้มีการกำหนดเป้าหมายและจัดทำแผนการดำเนินงานด้านพลังงานที่ท้าทายขึ้นอย่างมาก เพื่อเร่งพัฒนาด้านพลังงานสะอาดให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด 

โดยขณะนี้กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการจัดทำแผนพลังงานชาติและแผนพลังงานรายสาขาใหม่ที่มุ่งเน้นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ควบคู่กับการส่งเสริมพลังงานสะอาดเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี ค.ศ. 2065 โดยการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดในการผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าใหม่ไม่น้อยกว่า50% ภายในปี 2050

“พลังงานสะอาดมีบทบาทสำคัญมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการเป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้าและความร้อนในภาคอุตสาหกรรม ไปจนถึงการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในภาคขนส่ง"

พลังงานเร่งทำแผนพลังงานชาติแยกรายสาขามุ่งเป้า Net Zero

กระทรวงพลังงานได้มองหาเวทีระดับภูมิภาคในการเชื่อมโอกาสให้กับทุกภาคส่วนได้มีพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ งาน ASEAN Sustainable Energy Week ถือเป็นหนึ่งงานด้านพลังงานที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาค และทางกระทรวงฯก็ได้เข้าร่วมจัดสัมมนาและกิจกรรมภายในงานทุกปี และในปีนี้ก็ได้ส่งผู้แทนเพื่อเป็นวิทยากรบรรยายเกี่ยวกับนโยบายด้านพลังงานของไทย 

รวมทั้งมีการจัดบูธแสดงนิทรรศการภายในงาน โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมงานนี้จะได้เรียนรู้ทิศทางพลังงานโลกจากเวทีเสวนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับผู้เชี่ยวชาญที่เป็นบุคคลสำคัญจากภาคส่วนต่าง ๆ ทางด้านพลังงาน มีโอกาสได้รับข้อมูลข่าวสารและได้เรียนรู้เทคโนโลยีพลังงานใหม่ เพื่อปรับตัวและเตรียมความพร้อมสู่การเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคของพลังงานสะอาด 

นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) กล่าวว่า ปัญหาภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศถือเป็นความท้าทายของสังคมโลก ซึ่ง TGO ได้ส่งเสริมและผลักดันให้เกิดความร่วมมือทั้งองค์กร ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคท้องถิ่น ชุมชน ให้มีการประเมิน Carbon Footprint หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 

ทั้งในระดับองค์กร ผลิตภัณฑ์ การจัดประชุม และงานอีเว้นท์ และภาคเมือง จังหวัด รวมไปถึงระดับบุคคล ตลอดจนส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนสามารถพัฒนาโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย หรือ Thailand Voluntary Emission Reduction Program (T-VER) และรับรองให้เกิดเป็น คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) 

นอกจากนี้ TGO ยังส่งเสริมให้เกิดกลไกตลาดในการนำคาร์บอนเครดิตที่มีมาตราฐานไปชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแต่ละภาคส่วน โดยปัจจัยความสำเร็จเบื้องต้นที่สำคัญคือการสื่อสาร สร้างการรับรู้ซึ่ง TGO เน้นการสื่อสารเชิงรุกผ่าน Social Media Platform ในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านสถาบันวิทยาการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (TGO Climate Action Academy)

“TGO เดินหน้าสร้างการตระหนักรู้ให้กับภาคธุรกิจในแพลตฟอร์มต่างๆ โดยหนึ่งในนั้นคือการเข้าร่วมงาน ASEAN Sustainable Energy Week โดยทาง TGO ได้จัดกิจกรรมสัมมนาทางวิชาการ (Side Event) หัวข้อ การใช้กลไกคาร์บอนเครดิตและกลไกตลาดสนับสนุนการมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero ในระดับองค์กร” ในส่วนของการจัดนิทรรศการภายในงาน ปีนี้ TGO ได้จัดเตรียมข้อมูล TGO service ได้แก่  T-VER, Carbon Credit, Carbon Offset และ Carbon Neutral เพื่อสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อน และผลักดันให้ประเทศไทยสามารถบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน และมุ่งสู่การลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์อย่างยั่งยืน” 

นางสาวกชสร โตเจริญธนาผล รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2023 (ASEW) ในปีนี้เป็นการจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 33 ซึ่งถือเป็นเวทีระดับภูมิภาคที่ได้รับ