"ภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์" ทำให้สังคมหันมาสนใจและตั้งคำถามเกี่ยวกับโรคนี้กันมากขึ้นว่า คือ อะไร ร้ายแรงมากแค่ไหน หลังจากที่ดาราสาวชื่อดัง "แป้ง- อรจิรา แหลมวิไล" ระบุว่า ลูกสาวของตนเองเป็นโรคดังกล่าว
ที่สำคัญมีวิธีการป้องกันบุตรหลานของเราเพื่อไม่เป็นโรคภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์นี้ได้หรือไม่ มีอาการเด่น ๆ ที่เราสามารถสังเกตเห็นได้หรือไม่ แล้วใครบ้างที่เป็นกลุ่มเสี่ยง
"ฐานเศรษฐกิจ" พาไปหาคำตอบของคำถามทั้งหมดนี้ไปพร้อม ๆ กัน
ภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์ คือ อะไร
"ภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์" (Hypothyroidism) หรือ บางครั้งเรียกว่า "ภาวะไทรอยด์ทำงานต่ำ" หรือ "ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์" เป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ได้น้อย หรือไม่เพียงพอต่อการนำไปใช้งานของร่างกายที่จะไปสนับสนุนระบบเผาผลาญพลังงานภายในเซลล์และเนื้อเยื่อและส่งผลต่อการทำงานระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ระบบหัวใจ จิตใจและอารมณ์ สมรรถภาพทางเพศ และการควบคุมอุณหภูมิในร่างกายที่ไม่คงที่
สามารถพบได้ประมาณ 2-5% ของประชากรทั่วไป โดยประมาณ 15% เป็นผู้มีอายุตั้งแต่ 75 ปีขึ้นไป มีโอกาสพบในเพศหญิงมากกว่าในเพศชายถึงประมาณ 2-8 เท่า สามารถพบได้ในเด็กทารก 1 ใน 3,000-4,000 คน ส่งผลให้มีการเจริญเติบโตช้า ฟันขึ้นช้า ร่างกายแคระแกร็น น้ำหนักน้อย โดยระยะเวลาในการรักษาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงและสาเหตุของโรค
ภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์ จะทำให้มีความเสี่ยงแทรกซ้อน ได้แก่ โรคคอพอก โรคไขมันในเลือดสูง ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ปัญหาด้านจิตใจ และอารมณ์ที่แปรปรวน ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เกิดการพัฒนาช้าหรือพิการในเด็กแรกเกิด และเกิดภาวะ Myxedema Coma* ที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้
อาการ "ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์"
อาการของภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ขึ้นกับความรุนแรงของการขาดฮอร์โมนไทรอยด์ โดยการดำเนินไปของภาวะนี้เป็นไปอย่างช้า ๆ ใช้เวลาหลายปีถึงแสดงอาการ ซึ่งอาการที่อาจพบได้ มีดังนี้
ใครมีความเสี่ยงที่เป็นโรคภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์
แม้ว่าทุกคนจะมีโอกาสการเกิดภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ได้แต่จะมีโอกาสมากขึ้นจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
ที่มา โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์