นพ.จิรรุจน์ ชมเชย กุมารแพทย์เชี่ยวชาญโรคระบบหายใจ กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Jiraruj Praise โดยมีข้อความระบุถึงระดับน้ำตาลในข้าวแต่ละชนิดว่า
ระดับน้ำตาลในตัวหลังกิน ข้าว 3 ชนิด ได้แก่
โดยกินในปริมาณ 180 กรัม หรือราว 3 ทัพพี (คาร์บประมาณ 60 กรัม) ในมื้อแรกของวัน ทำในตัวของหมอจิรรุจน์เอง ซึ่งได้รับการตรวจคัดกรองเบาหวาน และระดับอินซูลิน คำนวน HOMA score อยู่เกณฑ์ ความไวอินซูลินปกติ
ระดับน้ำตาล ติดตามด้วยเครื่อง CGM ที่มีการเทียบค่าก่อนทุกครั้ง
ผลออกได้ดังนี้
การกินข้าวในปริมาณดังกล่าวทั้ง 3 ชนิด มีข้าว 2 ชนิด ที่มีสิ่งที่เหมือนกันเรื่องหนึ่งคือ "ความรู้สึก" คือ ช่วงที่ระดับน้ำตาลสูงขึ้น ขาลง เกิดความรู้สึกหิว หิวแบบต้องหารอะไรสักอย่างกิน ให้ได้ (แต่ก็ทน จนจบการทดลอง)
ระดับความหิว ตอนน้ำตาลดีดขึ้นช่วงขาลง ข้าวหอมมะลิหนักสุด ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ก็เป็นแต่ไม่มาก
ส่วนข้าว กข. 43 มีอาหารหิวบ้างหลังกินข้าว 2 ชม. แต่เบาจนไม่รู้สึกอะไรมาก เท่าข้าว 2 ชนิด
กล่าวโดยสรุป ข้าวทั้ง 3 ชนิด พาระดับน้ำตาลพุ่งขึ้นได้ เหมือนกัน
แต่สูงสุดคือ ข้าวหอมมะลิ รองลงมาคือข้าว กข.43 และ ไรซ์เบอรรี่
ส่วนระยะเวลาที่ร่างกายจะเคลียร์น้ำตาลได้ ลงเร็ว อันดับ 1 น่าจะเป็นข้าวไรซ์เบอรร์รี่ ต่อมาคือ ข้าว กข. 43 และที่ลงช้าสุดคือ ข้าวขาวหอมมะลิ
อย่างไรก็ดี ต้องเรียนว่าการทดลองนี้เป็นการทดลองในตัวหมอจิรรุจน์เพียงคนเดียว ซึ่งแต่ละคนก็อาจมีการตอบสนองแตกต่างออกไป ขึ้นกับ สภาวะต่างๆ ของร่างกายในแต่ละคน เช่น คนที่มีภาวะดื้ออินซูลิน/เบาหวานชนิดที่ 2 ก็อาจจะไม่ได้เป็นตามนี้ (โดยมากมักแย่กว่านี้ )
หมอจิรรุจน์ บอกว่า การนำเสนอนี้ ไม่ได้ต้องการ การโทษข้าว หรือ รังเกียจข้าว เเต่ต้องการชี้ให้เห็นว่า ข้าวแม้มีประโยชน์ แต่ก็มีผลต่อระดับน้ำตาลในร่างกายตามภาพ หากกินในปริมาณมาก หรือการกินเปล่าๆ
นอกจะทำให้ร่างกายต้องเคลียร์น้ำตาลสูงแล้ว ยังเกิดความรู้สึกหิวเร็ว ทำให้ต้องไปหาอะไรกิน ทั้งที่ระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ต่ำแต่อย่างใด
เพิ่มเติม : ผู้ทดลองเคยลองกินข้าวหอมมะลิ ในขนาดเดียวกัน พร้อมกับผักสด เนื้อหมู แกงคั่ว แล้วพบว่า ระดับน้ำตาลสูงสุด มีค่าลดลง 20 mg/dl
นั่นแปลว่า อาหารอื่นๆ เช่น ผักที่มีเส้นใย เนื้อสัตว์ ก็สามารถลดการดูดซึมของน้ำตาลลงได้บ้าง