พร้อมรับเมดิคัล ทัวริสซึมโต “เอสล่า” เวิร์คชอปติวเข้มแพทย์ผิวหนัง

การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) มีการเติบโตต่อเนื่อง หลังโควิดคลี่คลาย โดยคาดการณ์ว่าในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีสัดส่วนมูลค่ามากที่สุดคิดเป็น 35% ของตลาดโลก โดยไทยมีสัดส่วนกว่า 9% ตามมาด้วยอินโดนีเซีย 6% และมาเลเซีย 5% ตามลำดับ

ขณะที่มูลค่าตลาด Medical Tourism ของไทยจะมีมูลค่าสูงถึง 838,000 ล้านบาทในปี พ.ศ. 2570  และมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นจากบริการทางการแพทย์ที่มีอยู่ รวมถึงสถานพยาบาลเกือบ 60 แห่งที่ได้รับการรับรองโดย Joint Commission International (JCI) ของสหรัฐฯ ทำให้แนวโน้มตลาดสินค้าและบริการที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งยาและเวชภัณฑ์ คลินิกความงาม อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

นายวรุตม์ สุทธินันท์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท เอสล่า จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ด้านความงามและเวชสำอางระดับโลก เปิดเผยว่า ปีนี้ตลาดท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เริ่มกลับมาฟื้นตัวชัดขึ้น และแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นแรงหนุนสำคัญเร่งให้ตลาดเสริมความงามไทยเติบโตได้ก้าวกระโดด

สอดคล้องกับข้อมูลของ Grand View Research ที่คาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดเสริมความงามของไทย จะขึ้นไปแตะระดับ 7.51 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.48 แสนล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 16.6% ในปี 2570 หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2563 เกือบ 3 เท่าตัว

ทั้งนี้ เกิดจากไทยมีชื่อเสียงและคุณภาพการรักษาเป็นที่ยอมรับระดับนานาชาติ และมีจุดเด่นสำคัญนอกเหนือจากชื่อเสียงของแพทย์ คุณภาพและมาตรฐานการรักษา และการบริการที่ดีจากแพทย์และพยาบาล คือ ค่ารักษาพยาบาลในไทยถูกกว่าประเทศในภูมิภาคและประเทศชั้นนำอย่างสหรัฐอเมริกา

ซึ่งจากข้อมูลของ Medical Tourism Association พบว่า ค่าบริการเสริมความงามของไทยถูกกว่าสหรัฐอเมริกาถึง 50-120% (โดยเฉลี่ยประมาณ 80%) และยังถูกกว่าประเทศในภูมิภาคอย่างสิงคโปร์และเกาหลีใต้โดยเฉลี่ยประมาณ 24% และ 7% ตามลำดับ รวมไปถึงมีเทคโนโลยีและเครื่องมือทางการแพทย์ด้านความงามที่ทันสมัยทัดเทียมนานาชาติ

ดังนั้นเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว บริษัทจึงได้จัดเวิร์กช้อปเปิดนวัตกรรม Picosecond Laser 755nm. รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง PICOSURE PRO จากแบรนด์ Cynosure ครั้งแรกในไทย ให้แก่แพทย์ด้านความงาม 20 ราย สำหรับถ่ายทอดความรู้ด้านการรักษาปัญหาผิวให้แก่แพทย์ผู้เข้าร่วมงาน นำทฤษฎีและเทคนิคไปประยุกต์ใช้กับการรักษาคนไข้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัยที่สุด

หลังจากก่อนหน้านี้ได้นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานวิชาชีพของแพทย์ผิวหนังให้เท่าทันกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในระดับสากล และรองรับการเติบโตในตลาดเสริมความงามทั้งจากลูกค้าคนไทยและต่างชาติ

“ในยุคนี้ถือว่าโชคดีมาก ๆ เพราะหลังจากผ่านช่วงเวลาของการทดลองใช้เทคโนโลยีต่างๆ ในการรักษาผิว รวมถึงมีการวิจัยและศึกษาการใช้งานกับคนไข้มาเป็นอย่างดีแล้ว เทคโนโลยีเหล่านี้ยังพัฒนาต่อยอดจากรุ่นก่อนสู่รุ่นใหม่ เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับผิวของแต่ละคน และตอบโจทย์ได้หลากหลายปัญหามากยิ่งขึ้น"