"เทศกาลกินเจ" หรือ ประเพณีถือศีลกินผัก ถือเอากำหนดวันตามจันทรคติ คือ เริ่มต้นตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึงขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีนของทุกปี สำหรับเทศกาลกินเจ 2566 ปีนี้ตรงกับวันที่ 15 -23 ตุลาคม 2566 รวม 9 วัน 9 คืน
เทศกาลกินเจ
คำว่า เจ (齋 )หรือไจ ในภาษาจีนทางพุทธศาสนานิกายมหายานมีความหมายเดียวกับคำว่า "อุโบสถ" คนเชื้อสายจีนบางคนถือเป็นประเพณีและความเชื่อทางศาสนาที่จะถือศีลกินเจเพื่อชำระร่างกายและจิตใจให้บริสุทธิ์ ขณะที่คนไทยเชื้อสายจีนการกินเจเป็นการรักษาศีล 8 เป็นการสักการบูชาแก่พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์กวนอิมหรือเจ้าแม่กวนอิม
"กินเจ" ดีอย่างไร
กินเจ ได้บุญใหญ่ : เนื่องจากอาหารที่เรากินอยู่ในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยเลือดเนื้อของสรรพสัตว์ ผู้ที่กินเจจึงได้ละเว้นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ถือเป็นการสร้างบุญ ช่วยชำระล้างใจให้ใสสะอาด ทำให้จิตใจผ่องใสมากขึ้น
กินเจ เพื่อละเว้นกรรม : ที่เกิดจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าก็ตาม แต่การซื้อจากผู้อื่นก็เหมือนกับการจ้างฆ่าเพื่อการบริโภค การงดบริโภคเนื้อสัตว์ จึงเป็นการช่วยชีวิตสัตว์นับพันนับหมื่นชีวิต ช่วยลดกรรมของเราได้มากขึ้น
ที่น่าสนใจ การกินเจ นอกจากจะเป็นการถือศีลและรักษาประเพณีแล้ว ยังให้ประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย ดังนี้
1.กินเจช่วยให้ระบบย่อยอาหารได้หยุดพัก
อาหารเจส่วนใหญ่จะเน้นพืชผักเป็นหลัก ผสมกับอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต และโปรตีนจากถั่วซึ่งย่อยง่ายกว่าเนื้อสัตว์และไขมันมาก จึงทำให้ระบบย่อยอาหารได้หยุดพักจากการทำงานหนัก ๆ มาตลอดทั้งปี ทั้งกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ถุงน้ำดี ก็จะมีความแข็งแรงมากขึ้นด้วย
2.ล้างพิษให้ร่างกาย
ผักและผลไม้เป็นกากใยชั้นเลิศที่ช่วยทำให้ระบบขับถ่ายและการย่อยอาหารของเราทำงานได้ดี ช่วยขับของเสีย สารพิษที่ตกค้างในร่างกายออกมา ทั้งยังช่วยแก้ปัญหาท้องผูกที่เป็นปัญหาเรื้อรังสั่งสมในร่างกาย
3.ลดความเสี่ยงโรคร้าย
อาหารเจจำพวกผัก ผลไม้มีเส้นใยอาหารที่ช่วยป้องกันมะเร็ง ช่วยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
4.ผิวพรรณเปล่งปลั่ง
การกินเจก็ช่วยให้ผิวพรรณสดชื่นขึ้นได้ เพราะวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระในผัก ผลไม้ต่างๆ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ดูเปล่งปลั่ง สดใส ไม่หย่อนคล้อยก่อนวัย
5.ไม่เจ็บไม่ป่วยง่าย
เมื่อรับประทานอาหารเจเป็นประจำ จะทำให้เลือดได้รับการฟอกให้สะอาดขึ้นเรื่อยๆ มีผลต่อเซลล์ต่างๆ ในร่างกายเสื่อมสลายช้าลง เราจะรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงและมีสุขภาพดีขึ้น ไม่เจ็บไม่ป่วยง่าย ๆ
6. ลดความอ้วน
การกินเจ ควรเลือกกินข้าวหรือแป้งที่ไม่ขัดขาว เลือกผักใบมากกว่าพืชหัว ของนึ่ง ต้ม ตุ๋น ดีกว่าของทอดและผัด ลดเมนูหวานน้อยลง ดื่มนมถั่วเหลืองไม่เกินวันละ 2-3 กล่อง
ข้อเสียของการกินเจ
1.ร่างกายอาจได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ
เนื่องจากอาหารเจส่วนใหญ่เป็นพืช ผัก ผลไม้ อาจทำให้ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารจากโปรตีนอย่างเพียงพอ และประโยชน์อาจไม่เท่าโปรตีนจากเนื้อสัตว์จริง ๆ
2.ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่
โดยเฉพาะโปรตีนที่ส่วนใหญ่ได้จากเนื้อสัตว์ จึงต้องหาวัตถุดิบมาทดแทน เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแดง ข้าวโพด ข้าวสาลี เมล็ดฟักทอง และเมล็ดทานตะวัน
3.เสี่ยงอ้วน
อาหารเจ มีความมันที่เกิดจากการทอด หากไม่ระวังน้ำหนักอาจเพิ่มเสี่ยงอ้วนได้
4.ยุ่งยากในการหาอาหารทดแทน
โดยปกติแล้ว ร่างกายเราต้องการสารอาหารให้ครบ 5 หมู่ หากการกินเจ มีระยะเวลานานออกไป ร่างกายจะขาดสารอาหารบางชนิดได้ จึงทำให้ต้องหาสารอาหารมาทดแทน ซึ่งประโยชน์ต่อร่างกายจะไม่ได้คุณค่าเหมือนของจริง
ข้อแนะนำ
กินเจ ทานได้เเต่ต้องระวัง
กินเจทานได้ แต่ไม่แนะนำ
ข้อมูล : สสส.,โรงพยาบาลจุฬารัตน์ อินเตอร์ 11