จากกรณีมีการแชร์ข่าวปลอมผ่านทางโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับอาการของ "ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A" ว่า จะมีอาการปวดหัว อาเจียน และฉี่แตกเฉียบพลันอย่างรุนแรง ทั้งยังมีความรุนแรงมากกว่า โควิด-19 ทุกสายพันธุ์ซึ่งสร้างความหวาดวิตกให้กับประชาชนในช่วงนี้อย่างมากเพราะเป็นช่วงที่ยังมีฝนตกในหลายพื้นที่ของประเทศด้วย
"ฐานเศรษฐกิจ" พาไปทบทวนอาการของ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B กันอีกครั้งว่า เป็นอย่างไร ที่สำคัญเราสามารถป้องกันได้ด้วยวิธีง่าย ๆ
ไข้หวัดใหญ่ คือ อะไร
ไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่มีสาเหตุมาจาก "เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่" ทำให้ผู้ติดเชื้อ มีไข้สูง ปวดหัว ตัวร้อน ไอ จาม มีน้ำมูก และปวดเมื่อยตามตัว โดยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ซึ่งส่งผลกระทบต่อคนในสังคมปัจจุบันมากที่สุด มีอยู่ด้วยกัน 2 สายพันธุ์ ได้แก่
1. ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A
เป็นสายพันธุ์ที่มีความอันตรายมากที่สุด เพราะสามารถกลายพันธุ์ได้ รวมทั้งยังแพร่ระบาดได้เป็นวงกว้าง ทำให้เชื้อมีความเป็นลูกผสม และมีฤทธิ์รุนแรง โดยไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A มักจะแพร่ระบาดตามฤดูฝนและฤดูหนาว ซึ่งสามารถแยกออกได้เป็น 2 สายพันธุ์ย่อยที่พบบ่อย คือ H1N1 และ H3N2
2. ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B
เป็นสายพันธุ์ที่มีความอันตรายรุนแรงเช่นกัน ที่พบได้บ่อย คือ B Victoria, B Yamagata, B Phuket ซึ่งสามารถระบาดได้ทั้งในฤดูฝนและฤดูหนาวเช่นเดียวกัน แต่อาการไม่รุนแรงเท่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A
อาการไข้หวัดใหญ่
มักจะมีอาการไม่แตกต่างจากไข้หวัดทั่วไป แต่มีความรุนแรงกว่า โดยสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาการที่เราเป็นอยู่นั้นไม่ใช่ไข้หวัดธรรมดา แต่เป็นไข้หวัดใหญ่ ประกอบไปด้วย
ไข้หวัดใหญ่ส่วนมากจะมีระยะเวลาอาการของโรค 5 วัน หากมีอาการนานกว่านั้น อาจเกิดจากการติดเชื้อของแบคทีเรียแทรกซ้อนที่พบได้ในบางราย
กลุ่มเสี่ยง
กลุ่มที่ต้องระวังการติดเชื้อไช้หวัดใหญ่เป็นพิเศษ
กลุ่มผู้สูงอายุ เพราะมีโอกาสเสียชีวิตสูงกว่ากลุ่มอายุอื่น ๆ หากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่แล้ว โรคแทรกซ้อนที่อาจจะตามมา และทำให้เกิดความรุนแรงสูงเป็นอันดับหนึ่ง คือ "ปอดอักเสบ" ตามมาด้วย โรคหัวใจวาย โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน และโรคหลอดเลือดสมอง (stroke)
วิธีป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่