เศรษฐกิจสูงวัย (Silver Economy) กำลังเบ่งบานเต็มที่ โดยคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 880-900 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 26.6% ของมูลค่าเศรษฐกิจทั่วโลก ขณะที่ในประเทศไทยเองปัจจุบันพบว่าประชากรสูงวัยในปี 2566 มีจำนวนมากกว่า 12.81 ล้านคน คิดเป็น 19.4% ของประชากรทั้งหมด แนวโน้มประชากรสูงวัยจะประสบปัญหาขาดคนดูแล เมื่ออัตราการสร้างครอบครัวของ Gen X และ Gen Y ต่ำ การเลือกใช้บริการศูนย์ดูแลผู้สูงวัยหรือ Nursing Home จึงเป็นที่ต้องการมากขึ้น จากข้อมูลกรมสนับสนุนบริการสุขภาพพบว่า ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุเติบโตต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่มีผู้ยื่นขึ้นทะเบียนไว้จำนวน 749 ราย
นพ.กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างรวดเร็ว ในปี 2576 หรืออีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า 1 ใน 3 ของประชากรจะเป็นประชากรผู้สูงวัย ทางเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ มองธุรกิจเฮลท์แคร์ที่เกี่ยวเนื่องกับผู้สูงอายุจะเติบโตราวปีละ 15-30%
ในช่วงระยะ 3-5 ปีนับจากนี้ จึงจะเน้นไปที่การสนับสนุนให้บ้านลลิสา ขยายกิจการให้ได้ตามเป้าหมาย เพิ่มจากเดิม 20 แห่งซึ่งยังไม่นับรวมการขยายแฟรนไชส์และการแสวงหาพันธมิตรในการร่วมลงทุนเพื่อขยายบริการด้านเฮลท์แคร์เพื่อกระจายไปยังจังหวัดเมืองรอง
โดยเฉพาะในพื้นที่ที่โรงพยาบาลในเครือตั้งอยู่เพื่อครอบคลุมการให้บริการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยในระยะยาว พร้อมกับการขับเคลื่อนการขยายฐานผู้รับบริการ เน้นเชื่อมโยงการให้บริการแบบไร้รอยต่อระหว่างโรงพยาบาลและคลินิกในเครือ เชื่อมโยงกับการเข้ารับบริการยังศูนย์ดูแลฟื้นฟูผู้ป่วยและผู้สูงอายุของบ้านลลิสา
ทั้งนี้ PRINC ใช้เงินลงทุน 135 ล้านบาทในการเข้าถือหุ้นในบริษัท บ้านลลิสา เซอร์วิส กรุ๊ป จำกัด (Baan Lalisa Services Group) ซึ่งเป็นธุรกิจดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยครบวงจร ผ่านบริษัท พริ้นซิเพิล เน็กซ์ จำกัด (PRINC NEXT) ซึ่งเป็นบริษัทเพื่อการลงทุนในธุรกิจเฮลท์แคร์ ในสัดส่วน 45% และบริษัท บ้านลลิสา โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น 55% เพื่อมุ่งสร้างระบบนิเวศน์ด้านเฮลท์แคร์ผลักดันโครงข่ายการให้บริการสุขภาพอย่างครอบคลุมในทุกระดับ และมุ่งสร้างความแข็งแกร่งในการเติบโตธุรกิจในระยะยาว
ขณะที่ปัจจุบัน PRINC เปิดให้ศูนย์ PNKG Recovery and Eldercare ตั้งอยู่ภายในพื้นที่โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ดำเนินการเข้าสู่ปีที่ 4 แม้จะเป็นธุรกิจที่ยังเริ่มได้ไม่นาน และสัดส่วนรายได้อาจจะไม่ได้สูงมากนักเมื่อเทียบกับธุรกิจโรงพยาบาล แต่มีศักยภาพในการเติบโตที่สูง ซึ่งปัจจุบันเตรียมขยายวอร์ดใหม่ที่สามารถรองรับการให้บริการเป็นมากกว่า 25 รายต่อปี
พร้อมกับเติมบุคลากรทางการแพทย์สหวิชาชีพให้มีทักษะอีกเท่าตัว และอยู่ระหว่างการร่วมพัฒนาหลักสูตรกับสถาบันการศึกษาชั้นนำ เพื่อสร้างบุคลากรที่ได้มาตรฐานการรักษาตามแนวทางการรักษาแบบ Kaigo-do ประเทศญี่ปุ่น ที่เน้นการฟื้นฟูและดูแลรักษาผู้ป่วยแบบ Intensive Care
“ในปี 2567 จะเป็นอีกปีที่ PNKG Recovery & Eldercare มีการขยาย ศักยภาพการให้บริการ เพื่อรองรับ การเติบโต โดยยังคงคุณภาพการให้บริการ โดยเฉพาะในการฟื้นฟูโรคเฉพาะทาง เช่น โรคหลอดเลือดในสมอง โรคอัลไซเมอร์ ฯลฯ ให้ผู้รับบริการสามารถดูแลตัวเองได้ และยังส่งผลทำให้คนรอบข้างก็มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน”
นพ.กฤตวิทย์ กล่าวอีกว่า ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยและผู้สูงอายุ PNKG Recovery and Eldercare จะเน้นการฟื้นฟู ดูแลและรักษาให้ผู้ป่วยกลับมาช่วยเหลือตัวเองได้เร็วที่สุด (Intensive Care) เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตามแนวทาง Kaigo-do ขณะที่ “บ้านลลิสา” มีธุรกิจหลักคือ เนอร์สซิ่ง โฮม (nursing home) เน้นการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวแบบครบวงจร ทั้งผู้ป่วยที่มีภาวะติดเตียง ภาวะการพึ่งพิง
ขณะเดียวกันยังมีธุรกิจโฮมแคร์และคอนโดที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุระยะยาวในกลุ่มที่ยังแอคทีฟ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายจะแตกต่างกัน ขณะที่จุดร่วมของธุรกิจทั้งสองคือ มีบริการทางการแพทย์เป็นตัวนำ และให้การบริการอย่างใกล้ชิดเพื่อทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนั่นเอง
“ปัจจุบันมีความต้องการเข้าร่วมบริการในการดูแลผู้สูงอายุแบบระยะยาวมีเพิ่มสูงมากขึ้น คาดการณ์ว่าในระยะ 10 ปีข้างหน้า (ปี 2576) จะโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 10 เท่า โดยเฉพาะในต่างจังหวัด หัวเมือง เนื่องจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป ผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นและอีกส่วนเป็นผู้สูงอายุที่แอคทีฟเป็นจำนวนมาก ประกอบกับฐานกลุ่มผู้รับบริการโรงพยาบาลในเครือ ทั้งผู้ป่วยที่ต้องการฟื้นฟูและผู้สูงอายุ จึงมีโอกาสที่จะเข้ามาเป็นลูกค้าของโครงการบ้านลลิสามากขึ้น และตามแผนในการขยายสาขาพื้นที่เป้าหมายคือพื้นที่ตามจังหวัดที่โรงพยาบาลตั้งอยู่ด้วย”
ด้านนายแพทย์ พีรพัฒน์ ต่างใจ ผู้อำนวยการ พานาซี เมดิคอล กรุ๊ป กล่าวว่า พานาซีเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางที่ให้บริการทางการแพทย์แผนปัจจุบัน และการแพทย์ทางเลือกแบบองค์รวม เน้นการรักษาจากต้นเหตุของการเกิดโรคและการชะลอวัย ล่าสุด พานาซีกำลังขยายการดูแลสุขภาพให้แก่คนไทยโดยมุ่งเน้นขยายการดูแลรักษาเชิงสุขภาพองค์รวมของผู้สูงวัย
โดยใช้นวัตกรรมสเต็มเซลล์ขยายไปยังกลุ่มผู้สูงวัยที่อยู่ที่บ้าน หรืออยู่ที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ โดยจับมือกับพันธมิตรกับบริษัท โครนัส โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด (mynurz) และ บริษัทบางกอกเฮลท์แคร์เซอร์วิส BHS เพื่อขยายตลาดสุขภาพเชิงรุกสู่ธุรกิจดูแลสุขภาพผู้สูงวัยแบบครบวงจร
โดย Mynurz มีความชำนาญในการดูแลผู้ป่วยถึงบ้านและตามโรงพยาบาล รวมถึงการจัดหาบุคลากรทางการแพทย์ในการช่วยงานตามโรงพยาบาลต่างๆ พยาบาลวิชาชีพประจำโรงงาน ออฟฟิศ และในการร่วมมือในครั้งนี้ จะมีการขยายตลาดจากเดิมที่ทำเพียงการจัดการอัตรากำลังพยาบาลวิชาชีพ มาสู่การบริหารจัดการผู้ดูแลคนไข้ (care giver) เพื่อดูแลสุขภาพคนไข้ที่บ้านได้ นอกจากนี้ยังทำการเปิดศูนย์เทรนนิ่ง care giver เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาด ดำเนินธุรกิจจัดหาพยาบาลวิชาชีพ ผู้ช่วยพยาบาล นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด
ส่วน BHS เป็นบริษัทที่ดูแล Nursing home และศูนย์ดูแลผู้ป่วย stroke (โรคหลอดเลือดสมอง) โดยเข้าทำงานร่วมกับโรงพยาบาลจากญี่ปุ่น และขยายตลาดสร้าง Nursing home เพื่อรองรับผู้ป่วยกลุ่มหลอดเลือดที่มีผู้ป่วยใหม่กว่า 1.8 แสนคนต่อปี โดย BHS มีประสบการณ์ในธุรกิจดูแลผู้สูงอายุมานาน รวมทั้งเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุต้นแบบ ของกระทรวงพาณิชย์ ที่มีรางวัลการันตีคุณภาพต่างๆ อีกมากมาย
“ทั้ง 3 บริษัทมีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์โดดเด่นในการที่จะดูแลผู้สูงวัยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย เพราะไม่ต้องเข้ารับการรักษาและดูแลเฉพาะที่โรงพยาบาล หากแต่สามารถให้เราเข้ารับการดูแลในบ้านของผู้สูงวัยได้เลย การร่วมมือกันครั้งนี้ เพื่อขยายการบริการรักษาให้ครอบคลุมผู้ป่วยทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือศูนย์ดูแล ท่านก็สามารถรับการรักษาด้วยนวัตกรรมต่างๆจากเราได้ ซึ่งจึงน่าจะตอบโจทย์ของประเทศไทย ที่กำลังก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมสูงวัย (Aged Society) ให้ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง”