มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒร่วมมือกับ บริษัท วิโนน่า เฟมินิน จำกัด ผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของไทย เปิดตัว “โครงการวิจัยทดสอบประสิทธิภาพของโพรไบโอติกส์สายพันธุ์ไทย ผสมฮอร์โมนจากพืช” พร้อมเสวนาเรื่อง “นวัตกรรมที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้หญิงวัย 40+”
ดร.นพ.อมรินทร์ นาควิเชียร รองคณบดีฝ่ายบริหาร และอาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า บริษัท วิโนน่า เฟมินีน จํากัด และภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์โพรไบโอติกส์ผสมสารสกัดจากพืชที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะจากถั่วเหลือง มีฤทธิ์เอสโตรเจนอ่อน ๆ (Phytoestrogen) ชนิดรับประทาน สําหรับสตรีวัยหลังหมดระดู ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)
เพราะปัจจุบันแพทย์และผู้ป่วยได้มองหาแนวทางใหม่ๆ ที่มุ่งเน้นการป้องกันโรค การปรับสมดุลภาวะแวดล้อมจุลชีพในช่องคลอดด้วยโพรไบโอติกส์ สำหรับการรักษาหลักของกลุ่มอาการทางระบบสืบพันธุ์และทางเดินปัสสาวะในสตรีวัยหมดระดู เพราะการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนเฉพาะที่สอดทางช่องคลอด แต่มีข้อจํากัดในเรื่องของระยะเวลา และข้อมูลในที่ก่อให้เกิดความกังวลใจเกี่ยวกับอาการข้างเคียงจากการใช้ฮอร์โมน หรือการรักษาแบบประคับประคองก็ยังไม่ให้ผลดีนัก ต้องอาศัยการรักษารูปแบบเฉพาะที่ ต่อเนื่องยาวนาน ทําให้เกิดความไม่สะดวก
โดยภาวะที่ไม่พึงประสงค์จากการหมดระดูในระยะสั้น ได้แก่ ร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน อารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับ และหลายคนอาจไม่เคยตระหนักมาก่อนคือ สตรีวัยหมดระดูทุกรายจะได้รับผลกระทบในระยะยาว เนื่องจากการขาดฮอร์โมน ได้แก่ อาการทางระบบสืบพันธุ์และทางเดินปัสสาวะ, กระดูกพรุน, ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงโรคอัลไซเมอร์ จึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งภาวะคุกคามคุณภาพชีวิตได้
ทั้งนี้ สังคมไทยเปลี่ยนแปลงระบบโครงสร้างของประชากรเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว ทําให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพของสตรีวัยหมดระดูมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสําคัญ จากข้อมูลของสำนักทะเบียน กรมการปกครอง ในปี 2563 พบว่า มีประชากรผู้หญิงวัยหมดระดูอายุ 45 ปี ขึ้นไปสูงถึงประมาณ 20 ล้านคน ซึ่งอายุเฉลี่ยของการหมดระดูตามธรรมชาติในสตรีไทยคืออายุ 51 ปี บางรายก็อาจจะหมดระดูก่อน โดยภาวะหมดระดู (Menopause) เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดตามธรรมชาติในสตรีทุกคน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งทางกายและจิตใจ กระทบต่อสัมพันธภาพในครอบครัวได้ด้วย
นางนพรัตน์ สุขสราญฤดี ประธานกรรมการบริษัทวิโนน่า เฟมินิน จำกัด และผู้ก่อตั้งแบรนด์ 'วิโนน่า' ผู้บุกเบิกโพรไบโอติกส์สายพันธุ์ไทย และเจ้าของสิทธิบัตรการประดิษฐ์ชนะเลิศแห่งชาติ กล่าวว่า สำหรับรายละเอียดของโครงการวิจัยนี้ จะนําผลิตภัณฑ์ต้นแบบ โพรไบโอติกส์สายพันธุ์ไทยจํานวน 2 สายพันธุ์ ที่ได้รับการพัฒนาจากศูนย์ความเป็นเลิศทางวิจัยด้านโพรไบโอติกส์ ร่วมกับสารสกัดจากพืช ซึ่งทดสอบในห้องปฏิบัติการ มาผลิตในเชิงพาณิชย์เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสําหรับสตรีวัยหมดระดู และวัดประสิทธิภาพโดยงานวิจัยทางคลินิกศึกษา ในอาสาสมัครสตรีวัยหมดระดูอย่างน้อย 3 ปี ขึ้นไป จํานวน 120 ราย รับประทานผลิตภัณฑ์โพรไบโอติกส์ร่วมกับสารสกัดจากพืช และผลิตภัณฑ์ทดลองเป็นเวลา 12 สัปดาห์
โดยตั้งเป้าการทดสอบประสิทธิภาพของโพรไบโอติกส์สายพันธุ์ไทยและสารสกัดจากพืช ช่วยส่งเสริมภาวะแวดล้อมที่ดีทางจุลชีพและกลุ่มอาการทางระบบสืบพันธุ์และทางเดินปัสสาวะ เป็นผลดีต่อระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด และคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพองค์รวมของสตรีไทยวัยหมดระดู เป็นการสร้างแนวทางใหม่ในการดูแลสตรีวัยหมดระดู และเป็นทางเลือกของการดูแลแบบประคับประคองให้กับกลุ่มสตรีที่มีความกังวลและไม่สะดวกในการใช้ฮอร์โมนเฉพาะที่
สำหรับ "วิโนน่า" ในฐานะผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพชั้นนำของประเทศไทย โดยเฉพาะด้านสุขอนามัยของสตรี ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มามากกว่า 8 ปี ได้ศึกษารวบรวมข้อมูลจากกลุ่มเป้าหมายสตรีวัยหมดระดูอย่างเชิงลึก พบ pain-point และปัญหาว่ามีกลุ่มผู้หญิงวัยทองจำนวนกว่า 16 ล้านคนโดยประมาณ ที่ประสบปัญหาสุขภาวะดังกล่าวและไม่กล้าที่จะไปปรึกษาแพทย์ หรือไม่มีความเข้าใจในภาวะอาการดังกล่าว จึงไม่ตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหาที่ค่อยคุกคามคุณภาพชีวิต
"การเปิดตัวโครงการวิจัยทดสอบประสิทธิภาพจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์สายพันธุ์ไทย นับเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าของวงการนวัตกรรมทางด้านจุลินทรีย์เพื่อทางการแพทย์และสุขภาพของไทย โดยมุ่งหวังที่จะนำนวัตกรรมที่มีแหล่งที่มาจากการใช้ชีวภาพในเมืองไทย และใช้ฮอร์โมนจากธรรมชาติ เพื่อลดการพึ่งพายาเคมีและผลค้างเคียง รวมถึงลดการนำเข้าโพรไบโอติกส์จากต่างประเทศ ซึ่งเป็นความตั้งใจที่อยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาสุขภาพองค์รวมของสตรีวัยหมดระดูของประเทศไทยอย่างยั่งยืนในระยะยาว”