นายญาณเดช ทองสิมา ประธานกรรมการบริษัท โรงพยาบาลนครธน เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไทยมีการแข่งขันสูงขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายโรงพยาบาลเอกชนต้องขยับตัว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
สำหรับปัจจัยที่ทำให้โรงพยาบาลเอกชนมีการฟื้นตัวมาจากนโยบายของรัฐบาลด้านสุขภาพ ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการซื้อประกันสุขภาพมากขึ้น เพราะปัจจุบันประกันมีราคาย่อมเยา และไม่ต้องรอตรวจ ทำให้การซื้อประกันได้รับความนิยมส่งผลให้ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนเติบโตตามไปด้วย
สำหรับปีนี้โรงพยาบาลนครธนมีแผนลงทุนรวม 350 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนสำหรับเครื่องมือแพทย์ 120 ล้านบาท เพื่อเพิ่มศักยภาพการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองราคา 60 ล้านบาท อาทิ เครื่องตรวจวินิจฉัยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan : Dual-Source Dual-Energy) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยลดโอกาสของคนไข้ที่โดนรังสี และมีผลการตรวจที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น
ส่วนงบอีก 210 ล้านบาทจะใช้ในการปรับปรุงอาคารและเพิ่มพื้นที่ให้บริการ สุดท้ายอีก 20 ล้านบาท จะใช้ในส่วนของการตลาด ปรับปรุงแอพพลิเคชั่น รวมถึงระบบไอทีต่างๆ โดยในอนาคตมีแผนจะขยายโรงพยาบาลเพิ่มที่ฝั่งธนบุรี
ด้านพญ.ศิเรมอร ทองสิมา ผู้อำนวยการสายงานแพทย์ กล่าวว่า ปีนี้รพ.นครธน ยังมุ่งเป้าขยายการให้บริการกลุ่มคนไข้ชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนไข้ชาวเมียนมา ซึ่งได้เปิดสำนักงานรพ.นครธน ณ เมืองย่างกุ้ง โดยร่วมมือกับเอเจนซี่ชั้นนำในเมียนมา โดยในปีนี้โรงพยาบาลคาดว่าจะมีคนไข้ชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 25% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
“รพ.นครธนมุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจตลอดช่วงเวลาการเข้ารับบริการ เพื่อให้เกิดการบอกต่อโดยมีเป้าหมายการเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับและพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวไปเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ซึ่งในปีนี้ โรงพยาบาลตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตไม่น้อยกว่า 10% ขณะที่ตลอด 4 ปีที่ผ่านโรงพยาบาลมีการเติบโตเฉลี่ย 15% ทุกปี”
ปัจจุบันโรงพยาบาลนครธนมีสัดส่วนคนไข้คนไทย 95% และต่างชาติ 5% เพิ่มขึ้นในช่วง2-3 ปีที่ผ่านมา จากเดิมที่มีสัดส่วน 2 - 3% โดยคนไข้ต่างชาติแบ่งเป็น จีน 41% เมียนมา 27% และอื่นๆ 32% ในกลุ่มคนไข้ชาวเมียนมา มีการเติบโตมากที่สุดราว 50% จากปีก่อน ซึ่งโรงพยาบาลมีการดึงดูดคนไข้ต่างชาติด้วยการมีล่ามแปลภาษาที่ดูแลเหมือนคนในครอบครัว ทำให้คนไข้ต่างชาติเกิดความประทับใจในการบริการ นอกจากนี้ยังมีการดูแลเรื่องของวีซ่าให้กับคนไข้ด้วย
จุดแข็งของโรงพยาบาลคือมีศูนย์แพทย์เฉพาะทางจำนวน 6 ศูนย์ ซึ่งมีการลงทุนต่อเนื่องเพื่อนำนวัตกรรมมาใช้ในการรักษาและให้บริการ ส่งผลให้มีการเติบโตต่อเนื่อง ได้แก่ 1.ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร 2. ศูนย์กระดูกสันหลัง 3. ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ 4. ศูนย์สมองและระบบประสาท 5. ศูนย์หัวใจ และ6. ศูนย์ทันตกรรม
“ในปีนี้ รพ.นครธน ก้าวเข้าสู่ความสำเร็จอีกขั้นในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยวางแผนจะยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ในเดือนมิถุนายน โดยคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปและดำเนินการตามกระบวนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (IPO) ได้ในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปี 2568 ขึ้นกับการพิจารณาของ สำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งแผนการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งนี้ จะช่วยทำให้โรงพยาบาลมีบริการที่ดียิ่งขึ้น” พญ.ศิเรมอร กล่าวในตอนท้าย
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 3,988 วันที่ 2 - 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2567