นายกิตติศักดิ์ ปัทมะเสวี ประธานกรรมการบริหาร มนทาระ ฮอสพิตาลิตี้ กรุ๊ป เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า มนทาระเป็นธุรกิจครอบครัวเริ่มต้นที่จังหวัดภูเก็ตก่อนขยายตัวจนมีความหลากหลาย ทั้งที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ที่พัก โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร รวมถึงโปรเจ็คที่ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ เพื่อให้บริการด้านต่างๆ (Service Industry) ถือเป็นจุดศูนย์กลางของแบรนด์ภายใต้มนทาระ ฮอสพิตาลิตี้ กรุ๊ป เพื่อขับเคลื่อนแบรนด์เหล่านั้นให้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น และช่วยพยุงให้ผ่านวิฤตได้
เช่น ในช่วงเกิดโควิด-19 ธุรกิจโรงแรมชะลอตัวแต่ธุรกิจร้านอาหารเติบโต ทำให้ผลประกอบการธุรกิจในภาพรวมไม่ขาดทุน โดยธุรกิจของมนทาระจะเป็นธุรกิจที่เน้นความยั่งยืน ให้ผู้คนมีส่วนร่วมกับธรรมชาติอย่าง “ตรีสรา” โรงแรมระดับลักชัวรี หรือ “ตรีวนันดา” โครงการลักชัวรีเวลเนส คอมมูนิตี้ ครบวงจรที่ภูเก็ต ให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มีร้านอาหาร “จำปา” ซึ่งเป็นร้านมิชลินสตาร์ด้วย นอกจากนี้ยังมีอีกหลายแบรนด์ รวมถึงการร่วมกันเป็นพาร์ทเนอร์ด้วย
โดยโครงการตรีวนันดา ลักชัวรีเวลเนส คอมมูนิตี้ประกอบด้วย 1. เฮลธ์ รีสอร์ต บาย คลินิก ลา แพรรี 2. เรสซิเด้นซ์โรงแรมระดับลักชัวรี และ 3. ป่าพรุ ทำหน้าที่เก็บนํ้ามาบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ ซึ่งตั้งใจให้ตรีวนันดา เป็นหนึ่งในธุรกิจท่องเที่ยวอนุรักษ์ในภูเก็ตและประเทศ
“ธุรกิจที่เป็นความสนใจของครอบครัวมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อจนถึงปัจจุบัน คือ ธุรกิจเวลเนส หรือ Health & Wellness โดยเล็งเห็นความสำคัญมาตั้งแต่ในช่วงเกิดสึนามิที่ภูเก็ต มาจนถึงช่วงเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทั้งด้านสุขภาพทางจิตใจและสุขภาพของร่างกาย เพราะบางครั้งไม่จำเป็นต้องรอให้ป่วยแล้วจึงจะไปหาหมอ แต่สามารถป้องกันไว้ก่อนได้ด้วยตัวเอง ขณะที่สภาพแวดล้อมรอบตัวตอนนี้ก็เกิดมลภาวะ จึงต้องรักษาสุขภาพกายและสุขภาพใจให้แข็งแรงยิ่งขึ้น”
อย่างไรก็ดีธุรกิจเฮลท์แอนด์เวลเนสมีแนวโน้มเติบโตสูง ซึ่งขนาดของธุรกิจเวลเนสมีตัวเลขรวมกันภายในปี 2565 มูลค่าเกินกว่า 2 เท่าของขนาดจีดีพีประเทศไทย และคาดการณ์ว่านับตั้งแต่ปีนี้ จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 9-10% ต่อปี ต่อเนื่องไปอีก 4-5 ปี และเชื่อมั่นว่าในจังหวัดภูเก็ตก็มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีเช่นกัน
ทั้งนี้ ภูเก็ตถือเป็นอีกหนึ่งโลเคชั่นที่โดดเด่น สามารถเป็นผู้นำด้านเวลเนสได้ เป็นที่มาของมนทาระที่จับมือนำพาร์ทเนอร์พัฒนาให้ภูเก็ตเกิดโครงการรีสอร์ทเพื่อสุขภาพ “เฮลธ์ รีสอร์ท บาย คลินิก ลา แพรรี” แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด-19 ในปี 2562 เพื่อสร้างคอมมูนิตี้เพื่อสุขภาพระดับโลก บนพื้นที่ 600 ไร่ ด้วยงบลงทุน 6,000 ล้านบาท จะเปิดให้บริการในปี 2568 โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องเป็นผู้นำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ก็จะทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ในเครือเพื่อให้เป็นธุรกิจที่มีมาตฐานระดับสากล
นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ภาพรวมของมนทาระเติบโตจากปี 2562 ประมาณ 50% กระทั่งปี 2566 เติบโตเพิ่มอีก 10% และปี 2567 ตั้งเป้าการเติบโตราว 30% โดยจะขยายโครงการใหม่ที่มีแนวโน้มการเติบโตจะต่อเนื่องภายใน 3-5 ปีนับจากนี้เป็นต้นไป เพราะธุรกิจของมนทาระเหมาะกับการรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางแบบเป็นส่วนตัว อย่างรัสเซียที่เป็นครอบครัว และต้องการพักอาศัยในระยะยาว
“นอกจากธุรกิจของเราเองแล้ว ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจและสนใจเรา และเริ่มการขายวิลล่าได้มากขึ้น ส่งผลให้รายได้เรามีแนวโน้มมากขึ้น โดยกลุ่มลูกค้าคนไทยถือว่าเป็นฐานสำคัญมากแม้จะมีสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับต่างชาติ โดยต่างชาติจะคละกันไม่ได้เจาะจงประเทศใดประเทศหนึ่ง ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่เราวางไว้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลักชัวรี แต่อย่างไรก็ตามเรื่องเวลเนสและความยั่งยืนถือว่าเป็นเทรนด์ของโลก อาจจะไม่มีความแน่นอน 100% แต่เชื่อว่าธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้จะเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน และประเทศไทยยังมีโอกาสที่ดี”