"ไซยาไนด์" ถูกพูดถึงและกลับมาอยู่ในกระแสของสังคมอีกครั้ง หลังจากเกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมภายในโรงแรมชื่อดังย่านราชประสงค์ซึ่งเบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตเป็นชาวต่างชาติ 6 ราย ล่าสุดมีรายงานว่า เหตุฆาตกรรมดังกล่าวเกิดจากการถูกวางยาด้วยสารพิษไซยาไนด์ ทำให้เราต้องกลับมาสนใจและให้ความสำคัญในเรื่องของสารพิษ "ไซยาไนด์" กันอีกครั้ง
สารไซยาไนด์ เป็นสารเคมีที่มีความเป็นพิษสูงมาก พบได้ 2 รูปแบบ คือ
1.ลักษณะของแข็ง เรียกว่า เกลือไซยาไนด์ เป็นโซเดียมไซยาไนด์ หรือ โปแตสเซียมไซยาไนด์
2.ลักษณะของก๊าซ เรียกว่า ไฮโดรเจนไซยาไนด์
เมื่อได้รับเข้าสู่ร่างกายจะไปยับยั้งขบวนการทำงานของเซลล์ทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจนมีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดทำให้ความดันโลหิตตก รวมถึงเกิดภาวะสมองขาดออกซิเจนส่งผลทำให้ชักหรือหมดสติและมีการหายใจช้าถึงหยุดหายใจ
นอกจากนี้ยังพบได้ตามธรรมชาติในพืชบางชนิด เช่น มันสำปะหลัง สบู่ดำ หน่อไม้ ถั่วลิมา อัลมอนด์ชนิดขม โดยอยู่ในรูปไซยาโนไกลโคไซด์ต่าง ๆ กัน หากรับประทานในปริมาณมาก ๆ อาจเกิดการสะสมเป็นพิษได้โดยเฉพาะหน่อไม้หมักดองและมันสำปะหลัง จึงควรต้องทำความสะอาดและทำให้สุกก่อนรับประทาน
เป็นสารพิษธรรมชาติที่พบได้ทั้งในสัตว์ แมลง แบคทีเรีย และพืชจำนวนมาก เช่น หัวมันสำปะหลัง หน่อไม้ และผักไชยา ซึ่งหากนำมารับประทานแบบดิบในปริมาณมากจะทำให้เกิดอาการพิษจากไซยาไนด์
ไซยาไนด์ ถูกนำมาใช้ทางอุตสาหกรรมในหลายด้าน อาทิ การถลุงแร่เงินหรือทองคำ, การผลิตสี พลาสติก และยางสังเคราะห์, การผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ในอดีตยังมีการใช้เป็นยาเบื่อหนูและใช้ในการเตรียมบ่อกุ้ง มนุษย์และสัตว์ มีโอกาสได้รับไซยาไนด์จากหลายแหล่ง
-ควันบุหรี่ ไอเสียจากรถยนต์
-ควันไฟจากการเผาไหม้ขนสัตว์ ผ้าไหม ไนลอน
-แหล่งน้ำที่มีไซยาไนด์ปนเปื้อนจากโรงงานอุตสาหกรรมและการเกษตร
-การเข้าสู่ร่างกายอาจเกิดได้ทั้งทางปาก ทางลมหายใจ หรือการสัมผัส ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้ในระยาว
รูปแบบของผงสีขาวที่เมื่อแห้งจะไม่มีกลิ่นแต่หากได้รับความชื้นจะเปลี่ยนรูปเป็นแก๊สไฮโดรเจนไซยาไนด์ซึ่งมีกลิ่นฉุน
ขึ้นอยู่กับบริเวณที่สัมผัสกับสารพิษ และความปริมาณของสารพิษที่ได้รับ อาการเหล่านี้ ได้แก่
ไซยาไนด์ เป็นสารที่มีพิษร้ายแรง จึงมีกฎหมายควบคุม ดังนี้ไซยาไนด์ จัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยมิได้รับอนุญาตต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ที่มา มหาวิทยาลัยมหิดล, MedPark Hospital