หลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการเรื่องกัญชาโดยออกเป็น พ.ร.บ.ควบคุมแทนการกลับไปขึ้นเป็นบัญชียาเสพติดประเภท 5 นั้น
นายยศกร ขุนภักดี ผู้แทนเครือข่ายเยาวชนไม่นะกัญชาและยาเสพติด(YNAC) กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เครือข่ายฯ ออกแถลงการณ์ถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้ทบทวนเรื่องดังกล่าว เพราะแนวคิดดังกล่าวถือเป็นไม่ฟังเสียงของประชาชนกว่า 2 แสนคนที่ได้ลงชื่อเห็นด้วยให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดประเภท 5
ไม่สนใจเสียงของประชาชนกว่า 80,000 คน หรือ 80% ที่เห็นชอบร่างประกาศ กระทรวงสาธารณสุขฉบับนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด รวมทั้งผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพล ที่พบว่าประชาชนกว่า 75% ที่เห็นด้วย ให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด
ทางเครือข่ายฯ จึงมีคำถามไปยังท่านนายกรัฐมนตรี 3 ข้อ ดังนี้
1. เหตุใดท่านถึงมีการโลเล เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา โดยไม่สนใจเสียงของประชาชน ทั้งที่ผ่านมาประชาชนได้รับผลกระทบจากการปลดล็อคกัญชาเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งมีหลักฐานเป็นที่ปรากฏชัดให้กับสังคมและเยาวชนเป็นอย่างยิ่ง และตัวท่านเองก็เป็นคนสั่งการผ่านทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด แต่วันนี้บอกว่าไม่ต้องเป็นยาเสพติดแล้ว
2. ท่านรู้หรือไม่ ว่าการออก พ.ร.บ. กัญชา ที่ท่านจะใช้ควบคุมนั้น กว่าจะผ่านออกมาเป็นกฎหมายได้ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ปี และท่านก็จะปล่อยให้กัญชาเสรีแบบนี้ต่อไป ให้ประชาชนและเยาวชนได้รับความเดือดร้อนแบบนี้ต่อไป หรือการที่ท่านรอพระราชบัญญัติกัญชา ท่านอยากให้มีการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการกันแน่หรือไม่
3. ท่านได้เห็นผลประโยชน์ทางการเมือง มากกว่าผลประโยชน์ของประชาชน แบบนั้นจริงหรือ ทั้งที่ประชาชนส่วนใหญ่อยากให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด หรือแม้แต่ตัวท่านเองก็อยากให้กัญชากลับไปเป็น ยาเสพติด และนโยบายของรัฐบาลเองก็เน้นในการปราบปรามยาเสพติด แต่ท่านกลับปล่อยให้กัญชา ซึ่งเป็นสารเสพติดในสากลโลก หรือสหประชาชาติต่างก็บอกว่ากัญชาคือยาเสพติด การกระทำของท่านขัดแย้งกับคำพูดจริงหรือไม่
ดังนั้น ทางเครือข่ายฯ อยากให้ท่านทบทวนให้นำกัญชากลับเข้าไปบัญชียาเสพติดตามกระบวนการ ที่กำลังจะทำอยู่ และใกล้จะทำสำเร็จอยู่แล้ว เหลือแค่ความเห็นชอบจากคณะกรรมการป.ป.ส. ประชาชนและเยาวชนจะสามารถได้รับการคุ้มครองด้วยประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ทันที โดยที่ไม่ต้องรอ พ.ร.บ. กัญชาที่ต้องรอ 2-3 ปี และตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 กัญชาสามารถใช้ทางการแพทย์และงานวิจัยได้
ซึ่งก็จะตรงกับเจตนารมณ์ของรัฐบาลว่าใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ ถ้าท่านไม่ได้เห็นแก่ผลประโยชน์ทางการเมืองจริง จึงโปรดทำตามกระบวนการทางกฎหมายและฟังเสียงจากประชาชน ที่เห็นชอบให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเป็นส่วนใหญ่ยึดมั่นตามหลักประชาธิปไตย ให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด
“ผลกระทบที่ผ่านมาก็มีให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ เยาวชน ประชาชน ต่างได้รับผลกระทบจากการมีกัญชาเสรีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หากต้องรอพ.ร.บ. กัญชา ที่กว่าจะออกมาได้ก็ต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปี ถามว่าประเทศชาติ ประชาชน ต้องสูญเสียอีกเท่าไร จู่ๆ ท่านมาพูดแบบนี้ ท่านโลเล เห็นแต่ผลประโยชน์ทางการเมืองเป็นที่ตั้ง”