จากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นทางภาคเหนือของไทยในหลายพื้นที่ขณะนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค จัดเตรียมแผนเผชิญเหตุ เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์โรคและภัยสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในช่วงน้ำท่วม กำชับหน่วยงานในสังกัด เร่งสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ในการป้องกันโรคแก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย และสนับสนุนการปฏิบัติงานของพื้นที่
นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์นี้เกิดร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคเหนือโดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย น่าน แพร่ และสุโขทัย ส่งผลให้จังหวัดดังกล่าวเกิดฝนตกชุก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก
กรมควบคุมโรค จึงกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองระบาดวิทยา กองโรคติดต่อทั่วไป กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉินและสำนักงานป้องกันควบคุมโรคทั้ง 12 แห่งทั่วประเทศให้จัดเตรียมแผนเผชิญเหตุ เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์โรคและภัยสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในช่วงน้ำท่วมโดยจัดทีมตระหนักรู้สถานการณ์ (SAT) ตรวจจับเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายและส่งผลต่อสุขภาพ
เตรียมพร้อมสนับสนุนทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) เข้าร่วมปฏิบัติงานกับหน่วยงานในพื้นที่ให้ทันต่อสถานการณ์ รวมถึงเร่งสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลความรู้ในการป้องกันโรคแก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย
จากระบบการเฝ้าระวังโรค กองระบาดวิทยา ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 21 สิงหาคม 2567 พบโรคที่มีผู้ป่วยสูงสุด 5 ลำดับแรกซึ่งเป็นโรคที่สำคัญและมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องทุกปี ได้แก่
1.โรคไข้หวัดใหญ่
2.ปอดอักเสบ
3.อาหารเป็นพิษ
4.ไข้เลือดออก
5.มือเท้าปาก
นอกจากนี้โรคอื่น ๆ ที่มักพบผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูฝนหรือในช่วงที่มีเหตุการณ์น้ำท่วม ได้แก่
โรคเลปโตสไปโรสิสหรือโรคฉี่หนู
โรคเมลิออยโดสิส
โรคตาแดง
นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมควบคุมโรค ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยและเสี่ยงน้ำท่วม ระมัดระวัง ติดตามข่าวสารจากทางราชการ และเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ
นอกจากโรคติดต่อที่พบได้บ่อยในช่วงน้ำท่วม ยังมีภัยสุขภาพอื่นที่ต้องระวัง เช่น แมลงหรือสัตว์มีพิษกัดต่อย เช่น งู แมงป่อง ตะขาบ เป็นต้น รวมถึงอุบัติเหตุจากการขับขี่ยานพาหนะผ่านเส้นทางบริเวณน้ำไหลผ่าน การถูกกระแสน้ำพัด และการจมน้ำ
1.ไม่ทิ้งขยะทุกชนิด หรือขับถ่ายของเสียลงน้ำ ให้ทิ้งขยะหรือสิ่งปฏิกูลในถุงพลาสติกและมัดปากถุงให้แน่นแล้ววางไว้ในที่แห้ง
2.ไม่ปล่อยให้เด็กเล็กลงเล่นน้ำโดยลำพัง เพราะเด็กอาจจมน้ำและช่วยเหลือไม่ทัน หรือถูกสัตว์มีพิษกัดต่อยได้
3.หากมีน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา ให้รีบล้างหน้าและดวงตาด้วยน้ำสะอาด
4.รับประทานอาหารที่ปรุงสุก ร้อน สะอาด
5.หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำย่ำโคลน ควรใส่รองเท้าบู๊ททุกครั้งและรีบทำความสะอาดร่างกายด้วยสบู่และน้ำสะอาดทันที
6.รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล หมั่นล้างมือบ่อยๆ และสวมใส่หน้ากากอนามัย เมื่ออยู่ในสถานที่แออัดหรือมีอาการป่วย เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก เป็นต้น
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422