นางสาววิเวียน ทัง ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เดสติเนชั่น ดีลักซ์ (Destination Deluxe) กล่าวว่า อุตสาหกรรมด้านเวลเนสทั่วโลกในช่วงปี 2566 ถึง 2568 คาดว่ามีอัตราเติบโตเฉลี่ย 7.5% ต่อปี หรือแตะ 6.99 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (237.11 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2568 ตามข้อมูลจากสถาบันสุขภาพโลก
ด้วยศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทย จึงเลือกให้ประเทศไทยเป็นสถานที่จัดงานอันทรงเกียรติ “Destination Deluxe Awards & Wellness Day 2024” เพื่อเชิดชูความสำเร็จที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเวลเนสแบบลักชัวรีระดับโลก
พร้อมโชว์นวัตกรรมและเทรนด์ล่าสุดในอุตสาหกรรม เพื่อช่วยปลดล็อกธุรกิจและยกระดับอุตสาหกรรม ชิงส่วนแบ่งตลาดที่มีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 34 ล้านล้านบาท สอดรับกับการที่ไทยเป็นจุดหมายปลายทางระดับต้น ๆ ด้านเวลเนส เพื่อทรานส์ฟอร์มเส้นทางเวลเนสไปสู่ยุคอนาคต
งาน Destination Deluxe Awards & Wellness Day 2024 จะจัดขึ้นในวันที่ 19 กันยายน 2567 นี้ ณ โรงแรมเดอะสลิล ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ จะเป็นงานรวมบุคลากรจากอุตสาหกรรมด้านเวลเนส ความงาม และการท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ประกอบด้วยผู้บริหารธุรกิจโรงแรม สปา และเวลเนส แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและฟิตเนส ตัวแทนการท่องเที่ยว ผู้นำด้านรีทรีต และผู้ที่รักเวลเนส เพื่อหาแนวโน้มและนวัตกรรมล่าสุดด้านเวลเนสและการท่องเที่ยว
โดยในงานจะมีการเสวนาบนเวทีในหัวข้อ “การมีอายุยืนยาวและไบโอแฮ็กกิง” (Longevity & Biohacking) หนึ่งในเทรนด์สุขภาพที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา และหัวข้อ “อนาคตของเวลเนสในงานบริการ” (The Future of Wellness in Hospitality)
ผู้เข้าร่วมงานสามารถเข้าร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อป เช่น การฝึกหายใจ หรือ Breathwork การอาบคลื่นเสียง หรือ Soundbath และฝึกโยคะกับผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งการประกาศผู้ได้รับรางวัล Destination Deluxe Awards ประจำปี 2024 ที่ทรงเกียรติให้กับนักนวัตกรรมผู้กำหนดตลาดที่สร้างผลกำไร ทั้งยังเป็นการยกระดับแนวทางปฏิบัติด้านเวลเนสด้วยแนวทางที่สร้างสรรค์และยั่งยืน
นางสาววิเวียน กล่าวต่อว่า เนื่องจากประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการดูแลสุขภาพระดับโลก เราจึงภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Destination Deluxe Awards & Wellness Day 2024 ซึ่งสะท้อนจุดเน้นเชิงกลยุทธของประเทศไทยที่อยู่ในชั้นแนวหน้าของแวดวงเวลเนสระดับโลก
อีกทั้งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็น “ระเบียงเศรษฐกิจเวลเนส” ของรัฐบาล เพื่อยกระดับองค์กรในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 34 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ สถาบันโกลบอลเวลเนส หรือ Global Wellness Institute ได้คาดการณ์อุตสาหกรรมเวลเนสในโลกจะมีมูลค่าถึง 6.99 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2568 และมีอัตราการเติบโตรายปีเฉลี่ย 7.5% ตั้งแต่ปี 2566 ถึง 2568 ดังนั้นตลาดเวลเนสของประเทศไทยจึงมีแนวโน้มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ในปีนี้พิธีมอบรางวัลมุ่งเน้นเรื่องความก้าวหน้าในด้านสปาทรีตเมนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม งานบริการที่ขับเคลื่อนด้วยเวลเนส รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ความงามที่ก้าวล้ำและตอบสนองผู้บริโภคที่ใส่ใจในสุขภาพ โดยมีรางวัลในหมวดต่าง ๆ อาทิ "Eco-Spa of the Year" และ "Holistic Spa Treatment of the Year" เป็นต้น เพื่อแสดงให้เห็นว่าความหรูหราและความยั่งยืนมีการเชื่อมโยงกันมากขึ้นอย่างไร