ศูนย์วิจัยกรุงศรีคาดการณ์ว่าในปี 2566-2568 ตลาดเครื่องมือแพทย์ของไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่ามูลค่าจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ในประเทศจะเติบโตเฉลี่ย 5.5-7.0% ต่อปี จากความต้องการอุปกรณ์การแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับสุขอนามัยและการดูแลสุขภาพยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
จากอัตราการเจ็บป่วยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง จำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่มีแนวโน้มกลับมาใช้บริการในไทยเพิ่มขึ้น และผู้ประกอบการโรงพยาบาลมีแผนขยายการลงทุนต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสของผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์
นางสาวกัญญภัค ปรัชญากุลวรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเอ็มพี ไบโอเทค จำกัด ในเครือบริษัท อักษรา อีคอสเมติค จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้มุ่งเน้นการทำตลาดสินค้าในตะวันออกกลางมากว่า 8 ปี
ได้เล็งเห็นแนวโน้มอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ในประเทศ มีทิศทางการเติบโตต่อเนื่อง ตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วย การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และการขยายตัวของธุรกิจบริการสุขภาพของไทย
บริษัทจึงหันมาทำตลาดในประเทศ แตกไลน์ธุรกิจภายใต้ บริษัท พีเอ็มพี ไบโอเทค จำกัด ขึ้นเพื่อสอดรับกับกระแสสุขภาพที่กำลังเติบโตต่อเนื่อง และจากการสนับสนุนของภาครัฐที่มีนโยบายให้ไทยเป็น Medical Hub ศูนย์กลางอุตสาหกรรมทางการแพทย์ครบวงจรและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
อีกทั้งตลาด Medical tourism ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีมูลค่าและการเติบโตสูงที่สุด ซึ่งประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 จึงเชื่อมั่นว่าความต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์จะครอบคลุมทั้งเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ สามารถจำแนกตามลักษณะการใช้งานได้เป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ กลุ่มครุภัณฑ์ทางการแพทย์ และกลุ่มน้ำยาและชุดวินิจฉัยโรค
บริษัท พีเอ็มพี ไบโอเทค จำกัด เป็นบริษัทผู้ผลิต ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ ภายใต้แบรนด์ “Lecare (ลีแคร์)” ซึ่งประกอบไปด้วยสินค้าประเภทสำลีก้อน ไม้พันสำลี สำลีทางการแพทย์ สำลีก้อนสเตอร์ไรด์ สำลีชุบแอลกอฮอล์แบบก้อน
สำลีก้านเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ้าก๊อต พลาสเตอร์ยา ถุงมือ หมวกคลุมผม เข็มฉีดยา Syringe ทั้งนี้ได้วางแผนกลยุทธ์เพื่อขยายฐานลูกค้าและขยายฐานรายได้ โดยมุ่งเน้นรักษาฐานลูกค้าโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ และรุกเข้าสู่สถานพยาบาลเอกชน คลินิก ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนในการเพิ่มทีมขาย เพื่อจำหน่ายสินค้าเข้ายังร้านขายยาเวชภัณฑ์ โดยบุกตลาดในเขตกรุงเทพ และปริมณฑลเป็นหลัก พร้อมเดินหน้าเพิ่มไลน์การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เวชสำอางสำหรับผู้สูงอายุ แม่และเด็ก อีกด้วย
นอกจากนี้บริษัทให้ความสำคัญกับช่องทางการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ เนื่องจากมองว่าการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ง่าย จึงขยายช่องทางการซื้อเพิ่มเติมผ่านทาง Facebook , IG ,Shopee และ Lazada เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกของกลุ่มผู้บริโภค
โดยตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์และเวชสำอาง พร้อมผลักดันสินค้าแบรนด์ไทยเป็นที่รู้จักในระะดับสากล ทั้งนี้คาดว่าภายใน 3 ปีจะมีอัตราการเติบโตของรายได้ในกลุ่มวัสดุสิ้นเปลืองไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท