เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท โนวาร์ตีส (ประเทศไทย) จำกัด จัดงาน “Cardio Catalyst: Driving Change in Heart Health” ครั้งที่ 2 พร้อมเวทีเสวนาระหว่างแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและความคิดเห็นเกี่ยวกับการสร้างความตระหนักรู้ การพัฒนาการรักษา และแนวทางการทำงานร่วมกัน
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 2 กล่าวว่า ปัญหาโรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของประเทศไทยและทั่วโลก จากข้อมูลสถิติของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าอัตราการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มวัยทำงานที่อายุน้อยลง
โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหา กำหนดให้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักของกระทรวงสาธารณสุข เน้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการแพทย์ สร้างโครงการและนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น การจัดตั้งคลินิกโรคหัวใจล้มเหลว และการพัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจคัดกรอง ติดตาม และให้คำแนะนำผู้มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด และมีทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับรางวัลจากสมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา เป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลวอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
พล.ต.ต.นพ.เกษม รัตนสุมาวงศ์ นายกสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า ในปัจจุบันสถานการณ์การดูแลรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก คือ การดูแลรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจแล้ว และการป้องกันการเกิดโรคหัวใจในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงแต่ยังไม่เป็นโรคหัวใจ ในประเทศไทยได้พัฒนาการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจอย่างต่อเนื่อง โดยการขับเคลื่อนจากกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งอีกหลายหน่วยงานและสมาคมวิชาชีพต่างๆ รวมถึงสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อพัฒนาระบบ ‘Fast Track’ ที่ช่วยให้ผู้ป่วยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันสามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็วและได้รับผลการรักษาที่ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้จัดตั้ง ‘คลินิกหัวใจล้มเหลว’ ในหลายโรงพยาบาลทั่วประเทศ ไปพร้อมกับการทำงานร่วมกันระหว่างทีมสหวิชาชีพ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลตามมาตรฐานสูงสุดที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล สำหรับการป้องกันการเกิดโรคหัวใจในผู้ที่ยังไม่เป็นโรคหัวใจ ด้วยการสร้างความตระหนักรู้เพื่อให้ประชาชนเข้าใจถึงปัจจัยเสี่ยง สัญญาณเตือนและอันตรายของโรคหัวใจ พร้อมเผยว่าปัจจุบันมีข้อมูลที่อาจไม่ถูกต้องในสื่อโซเชียลมีเดียอยู่และทำให้ผู้ป่วยมีความสับสนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต พฤติกรรมบริโภค การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารอาหารเสริมรวมถึงความกังวลถึงผลข้างเคียงของยา
ฉะนั้น สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย จึงได้จัดทำเว็บไซต์ ThaiHealthyHeart.com ให้เป็นแหล่งข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการป้องกันและดูแลตนเองสำหรับผู้ที่ยังไม่เป็นโรคหัวใจ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง และจัดทำแนวเวชปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ภาวะหัวใจขาดเลือดเรื้อรัง และผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว
"การจัดงาน Cardio Catalyst: Driving Change in Heart Health ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะขับเคลื่อนการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และช่วยผลักดันให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างทุกภาคส่วน ให้ประชาชนคนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี"
ด้าน เภสัชกรหญิงสุมาลี คริสธานินทร์ ประธานบริหาร บริษัท โนวาร์ตีส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว่า การสร้างความตระหนักรู้ เข้าใจถึงสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ จะชาวยลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ และส่งเสริมให้เกิดผลการรักษาที่ดีขึ้น โดยโนวาร์ตีสเล็งเห็นว่าการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสิ่งที่สามารถป้องกันได้ จึงเชื่อว่าการทำงานร่วมกับผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ และองค์กรต่างๆ ทั่วโลก จะนำไปสู่การพัฒนาการดูแลโรคหัวใจที่ก้าวหน้าไปมากกว่าการใช้ยาเพียงอย่างเดียว
"ในปีนี้เราได้ต่อยอดจากความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ด้วยความมุ่งหวังที่จะช่วยผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นทางด้านการดูแลรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากโรคเหล่านี้กำลังส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ไม่เพียงในผู้สูงอายุ แต่ยังรวมถึงผู้ที่มีอายุน้อยทั่วโลก ผ่านเวทีที่ช่วยสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคในทุกภาคส่วนให้ห่างไกลจากโรคหัวใจและหลอดเลือด และที่ผ่านมาเราได้ทำงานร่วมกับหลายภาคส่วน ในการยกระดับการรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวให้ได้มาตรฐานสากล เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความก้าวหน้านี้ และด้วยความร่วมมือกันของทุกฝ่ายจะสามารถช่วยให้ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ให้มีชีวิตที่ยืนยาว สุขภาพดียิ่งขึ้น”
อย่างไรก็ตาม การผนึกกำลังอย่างเหนียวแน่นจากทุกภาคส่วน จะส่งเสริมการดูแลสุขภาพหัวใจและลดอัตราการเสียชีวิตทำให้ผู้ป่วยมีอายุยืนยาวขึ้น ทำให้ผู้ป่วยกลับมานอนโรงพยาบาลซ้ำน้อยลง และเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดี ตอกย้ำการสร้างคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนแก่ประชาชนไทย ในขณะเดียวกันประชาชนยังสามารถมีส่วนร่วมในการลดจำนวนผู้ป่วยโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดได้ ด้วยการหมั่นตรวจสุขภาพหัวใจ คอยสังเกตและเอาใจใส่ครอบครัวและคนใกล้ชิด เพื่อป้องกันและลดปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดโรค รวมถึงกระตุ้นให้ผู้ป่วยให้มีวินัยในการรักษามากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข