ขณะนี้อากาศของประเทศไทยเข้าสู่ในช่วงผลัดเปลี่ยนจากฤดูฝนไปสู่ฤดูหนาวซึ่งจะมีความแปรปรวนแต่จะยังคงมีฝนตกจากพายุมรสุมอยู่เป็นระยะซึ่งเพิ่มความชื้นและความเย็นของอากาศเป็นลักษณะเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน เป็นสาเหตุทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทันประกอบกับมีเชื้อโรคหลายชนิดแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
นายแพทย์อภิชัย สิรกุลจิรา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงฆ์ เปิดเผยว่า บรรยากาศแบบนี้อาจทำให้พระภิกษุสามเณรเกิดอาพาธได้ง่ายกว่าปกติ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หอบหืด และปอดบวม เป็นต้น อาการเบื้องต้นมักพบมีอาการไข้ น้ำมูกไหล ไอ จาม เจ็บคอร่วมด้วย
รวมถึงอาจมีอาการหนาวสั่น ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ในกลุ่มเสี่ยงที่เป็นพระสงฆ์สูงอายุและพระสงฆ์ที่มีโรคประจำตัว เนื่องจากพระสงฆ์กลุ่มเสี่ยงมีภูมิต้านทานโรคน้อยกว่าปกติ
ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันโรคโรงพยาบาลสงฆ์จึงขอแนะนำพระภิกษุสามเณรรักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอด้วยการสวมอังสะ (เสื้อกันหนาว) สวมหมวกไหมพรม รวมถึงหมั่นล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาดอยู่เสมอทั้งก่อนและหลังฉันภัตตาหารเพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคที่จะก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ
ในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปีประเทศไทยจะใกล้เข้าสู่ในช่วงฤดูหนาว พระภิกษุสามเณรบางรูปพำนักอยู่ในพื้นที่หนาวเย็นเป็นพิเศษ บริเวณภูเขาสูงหรือยอดดอย โดยเฉพาะพื้นที่ในจังหวัดภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนืออากาศจะหนาวเย็นกว่าภาคอื่น ๆ ซึ่งอากาศที่หนาวเย็นอาจทำให้พระภิกษุสามเณรปรับตัวไม่ทันและอาจอาพาธได้ง่าย
จากข้อมูลสถิติโรงพยาบาลสงฆ์ ปี 2566 พบพระภิกษุสามเณรเข้ารับการรักษาด้วยโรคที่มากับหน้าหนาว ดังนี้
1. โรคไข้หวัด จำนวน 473 รูป
2. โรคไข้หวัดใหญ่ จำนวน 65 รูป
3. โรคปอดบวม จำนวน 177 รูป
4. โรคผิวหนังแห้ง จำนวน 13 รูป
5. โรคหัด จำนวน 2 รูป
6. โรคไข้สุกใส จำนวน 9 รูป
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการอาพาธด้วยโรคที่มากับหน้าหนาว โรงพยาบาลสงฆ์ห่วงใยในสุขภาพพระภิกษุสามเณร จึงขอพระภิกษุสามเณรหมั่นดูแลร่างกายอย่างใกล้ชิด ทำร่างกายให้อบอุ่นและแข็งแรงอยู่เสมอ ฉันภัตตาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่เพื่อสร้างภูมิต้านทาน
หากผิวหนังแห้งหรือลอก แนะนำให้ทาครีมเพื่อความชุ่มชื้นผิวหนัง และขอกราบอาราธนาพระภิกษุสามเณรที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ให้เข้ารับการฉีดวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลสงฆ์หรือสถานพยาบาลใกล้วัด