ประเทศไทยมีทารกเกิดใหม่ปีละ 800,000 คน จะมีทารกที่เป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด 8,000 คน คนต่อปี ซึ่งค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลโรคนี้ค่อนข้างสูงและเกินกำลังความสามารถของครอบครัวส่วนใหญ่
นางสาวปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้เล็งเห็นถึงปัญหาสำคัญนี้ และตระหนักถึงความสำคัญของการช่วยเหลือเด็กป่วยโรคหัวใจ เพื่อเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ในการดูแลสังคมภายใต้ปรัชญา “CRC Care”
ซึ่งครอบคลุม 7 มิติ โดยหนึ่งในนั้นคือการดูแลชุมชน (CRC Care for the Community) ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมโดยการต่อยอดจากความสำเร็จในปีที่ผ่านมา เซ็นทรัล รีเทล ได้เปิดตัวแคมเปญ “Hi! ใจ ส่งต่อความสุขไม่รู้จบ” ในปี 2567 มีเป้าหมายหลักเพื่อช่วยเหลือเด็กป่วยโรคหัวใจที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ให้มีโอกาสเข้าถึงการรักษาพยาบาลและกลับมามีชีวิตที่สมบูรณ์อีกครั้ง
แคมเปญนี้ถือเป็นการสานต่อกลยุทธ์ Equality Marketing ภายใต้แนวคิด “Happiness Forward” ที่มุ่งเน้นการสร้างความเท่าเทียมและส่งเสริมความสุขให้กับทุกคนในสังคม
ปัจจัยสำคัญที่เราพิจารณาคือ ความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภค ปัญหาสุขภาพที่เป็นประเด็นสำคัญ และความเชื่อมโยงกับธุรกิจของเรา ในกรณีของปัญหาสุขภาพหัวใจ เราพบว่าคนไทยยังขาดความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้เป็นอย่างมาก และยังมีกลุ่มคนที่เข้าถึงข้อมูลและบริการด้านสุขภาพไม่เท่าเทียมกัน
เซ็นทรัล รีเทล จึงได้ริเริ่มแคมเปญส่งเสริมสุขภาพหัวใจอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมให้คนไทยหันมาดูแลสุขภาพหัวใจมากขึ้น แคมเปญเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผู้บริโภคได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคหัวใจ แต่ยังเป็นการสนับสนุนให้เกิดการดำเนินชีวิตที่สุขภาพดีมากขึ้นอีกด้วย
โดยแคมเปญนี้เราใช้งบลงทุนปีละ 10 ล้านบาท อีกทั้งเราโฟกัสไปที่การช่วยเหลือผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจในประเทศไทย โดยร่วมมือกับครูปาน สมนึก คลังนอก ศิลปินวาดภาพประกอบชื่อดัง ผู้ออกแบบอาร์ตทอยและเสื้อยืด คอลเลกชันน้อง "Hi! ใจ"
ซึ่งตลอดระยะเวลาการจัดแคมเปญดังกล่าว สามารถรวบรวมยอดเงินจากการขายสินค้าได้ทั้งสิ้น 2.5 ล้านบาท ในระยะเวลา 8 เดือน พร้อมส่งมอบให้มูลนิธิเด็กโรคหัวใจ ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อนำไปช่วยเหลือการผ่าตัดผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจ
อีกทั้งกระแสตอบรับผ่านสื่อออฟไลน์และออนไลน์ในช่องทางต่าง ๆ ยังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก จนมีเนื้อหาแคมเปญที่ถูกแสดงกว่า 21.9 ล้านครั้ง จำนวนผู้เข้าชมคลิปวิดีโอ Hi! ใจ กว่า 3.7 ล้านวิว จำนวนผู้เข้าชมเนื้อหาจากสื่อของแบรนด์และสื่อโฆษณากว่า 18 ล้านครั้ง สามารถเข้าถึงผู้คนกว่า 13 ล้านครั้ง รวมถึงมียอดการคลิกไลก์ คอมเมนต์ แชร์และการมีส่วนร่วมถึง 3.8 แสนครั้งอีกด้วย
นางสาวปิยวรรณ กล่าวต่อว่า ความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพในประเทศไทย โดยเฉพาะปัญหาที่ผู้ป่วยในโรงพยาบาลรัฐต้องเผชิญ ซึ่งมักจะต้องเผชิญกับความไม่สะดวกสบายและการรอคอยที่ยาวนาน ปัญหาความไม่เท่าเทียมด้านสุขภาพเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะผู้ป่วยในโรงพยาบาลรัฐที่ต้องเดินทางมาจากต่างจังหวัด พวกเขาต้องเผชิญกับความลำบากในการเดินทางและการรอคอย ซึ่งไม่เป็นธรรมเลยที่ผู้ป่วยจะต้องมาเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้
ตัวอย่าง การที่ผู้ป่วยต้องมานั่งรอคิวเพื่อรับการรักษาเป็นเวลานาน การขาดแคลนเตียงนอนในโรงพยาบาล หรือแม้แต่การต้องนำรองเท้ามาวางเพื่อจองคิว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่ทั่วถึงของระบบบริการสุขภาพในปัจจุบัน
จากแคมเปญที่ทำผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยสังเกตเห็นว่าลูกค้ามีความสนใจในกิจกรรมเพื่อสังคมมากขึ้น โดยเฉพาะการบริจาค เมื่อมีการนำเสนอช่องทางที่สะดวกในการทำบุญ เช่น การแลกคะแนนสะสมเพื่อบริจาค ลูกค้าของเรามีความตระหนักเรื่องการให้มากขึ้น
เราพบว่าลูกค้า The one มักจะคอยโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับการทำบุญ และมีความยินดีที่จะนำคะแนนสะสมที่ใกล้หมดอายุไปบริจาคให้กับมูลนิธิต่างๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนไทยมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
เราได้เล็งเห็นถึงโอกาสนี้ จึงได้พัฒนาโปรแกรมแลกคะแนนเพื่อบริจาค โดยร่วมมือกับมูลนิธิต่างๆ เพื่อนำเงินที่ได้จากการแลกคะแนนไปใช้ในการทำกิจกรรมเพื่อสังคม เช่น การสนับสนุนการศึกษาของเด็ก หรือการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส เราเชื่อว่าการทำบุญเป็นเรื่องของใจ การที่เราให้โอกาสลูกค้าได้ทำบุญผ่านช่องทางที่สะดวก ทำให้พวกเขารู้สึกดีและมีความสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการส่งเสริม