ด้วยหมุดหมายที่ต้องการให้ไทยเป็น Medical and Wellness Hub วันนี้กระทรวงสาธารณสุข จึงกำหนดยุทธศาสตร์ในการยกระดับด้านการแพทย์ งานสาธารณสุข รวมถึงงานบริการต่าง ๆ ให้ได้มาตรฐานระดับโลก
"ฐานเศรษฐกิจ" ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ถึงความพร้อมและก้าวย่างสำคัญที่จะเริ่มต้นขึ้นในศักราชใหม่ 2568 นี้
นายสมศักดิ์ เล่าให้ฟังว่า ความพร้อมของประเทศไทยในการเป็น Medical and Wellness Hub ของโลกนั้น ประเทศไทยมีปัจจัยสนับสนุนในหลาย ๆ ด้าน ที่พร้อมจะเป็นศูนย์กลางสุขภาพของโลก Medical Hub อยู่แล้ว ได้แก่ มาตรฐานการแพทย์ของไทยอยู่ในระดับสากล เรามีโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI มากถึง 69 แห่ง รวมทั้งแพทย์ไทยของเราก็มีความเชี่ยวชาญสูงและส่วนมากได้รับการฝึกอบรมเฉพาะด้านจากต่างประเทศ ทำให้ผู้ป่วยต่างชาติให้ความเชื่อมั่นในคุณภาพการรักษาพยาบาลของเราเป็นอย่างดี
ด้านความคุ้มค่า ค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทยมีมาตรฐานการรักษาระดับโลกแต่เรามีค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่ามากกว่าประเทศคู่แข่งอื่น ๆ
การบริการด้วยใจของบุคลากรทางการแพทย์ของไทยมีความเป็นมิตร บริการด้วยรอยยิ้ม เอาใจใส่และให้บริการที่ดีเยี่ยมเสมอ
ด้านความหลากหลายของบริการด้านสุขภาพ ประเทศไทยมีรีสอร์ตสุขภาพและสปาที่มีชื่อเสียงระดับโลกอยู่ทั่วภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือที่มีธรรมชาติแบบป่าเขา หรือภาคใต้ที่มีท้องทะเลอันสวยงามซึ่งตอบโจทย์การท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลายและการฟื้นฟูร่างกาย
เสน่ห์ด้านการท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรมและยิ้มสยาม การท่องเที่ยวไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกด้วยแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม ศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์และคนไทยที่ให้การต้อนรับทุกคนด้วยยิ้มสยาม ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้โดดเด่นเหนือคู่แข่ง
นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ รัฐบาลได้ผลักดันนโยบาย Medical Tourism เพื่อยกระดับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพโลก Medical and Wellness Hub ผ่านแผนยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมหลายด้าน ทั้งในด้านแพทย์แผนไทยไปจนถึงด้านวัฒนธรรม
ด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้ประเทศไทยจึงมีจุดแข็งที่ไม่เหมือนใครและมีความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางสุขภาพของโลก หรือ Medical and Wellness Hub ได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน
อย่างไรก็ดี การที่ประเทศไทยได้เข้าร่วมงาน WORLD EXPO 2025 OSACA, KANSAI, JAPAN งานเอ็กซ์โปที่เก่าแก่และยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่รวบรวมสถาปัตยกรรม นวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัยจากทั่วโลกมาจัดแสดงให้ได้ชมภายในงานนี้ ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13 เม.ย. - 13 ต.ค. 2568 ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น นั้น
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การนำเสนอ THAILAND PAVILION ในงาน EXPO 2025 OSACA, KANSAI, JAPAN นั้น เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก "Designing Future Society for Our Lives" การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านสุขภาพและการแพทย์เพื่อเป้าหมายชีวิตที่มีความสุขและสุขภาพดี
ทั้งยังถือเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยที่จะได้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์และแสดงศักยภาพในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านสาธารณสุขและการแพทย์ของไทยที่ตอบโจทย์แนวคิดหลักของการจัดงาน โดยอาคารนิทรรศการไทย หรือ THAILAND PAVILION ของเรานำเสนอภายใต้แนวคิดหลัก "THAILAND Connecting Lives for Greatest Happiness" สร้างสรรค์ชีวิตเพื่อความสุขที่ยิ่งใหญ่
โดยกระทรวงสาธารณสุขได้นำศักยภาพด้านสาธารณสุขของไทย รวมถึง Soft Power ของไทยที่คนทั่วโลกสนใจไปจัดแสดงมากมาย อาทิ ภูมิปัญหาด้านสุขภาพของไทย วิถีชีวิตของคนไทยที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติ, อาหารไทยเพื่อสุขภาพ หรือที่เราเรียกว่า อาหารเป็นยา
อาหารไทยเป็นภูมิปัญญาที่ผสมผสานสมุนไพรและเครื่องเทศที่มีสรรพคุณทางยา เช่น ต้มยำกุ้ง ที่เพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ โดยยูเนสโกก็มีสมุนไพรอย่างตะไคร้ ข่า ใบมะกรูด ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยขับลมและบำรุงระบบย่อยอาหาร
การแพทย์แผนไทย สมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณบำรุงร่างกายและรักษาโรค, การนวดแผนไทย ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของยูเนสโก, สถานบริการทางการแพทย์ของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI (Joint Commission International) มากถึง 69 แห่ง ถือเป็นอันดับที่ 4 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
"Highlight สำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ มนต์เสน่ห์ด้านการท่องเที่ยวของไทย ได้แก่ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม การแสดงทางศิลปวัฒนธรรมอันงดงามและรอยยิ้มสยามของชาวไทยที่โด่งดังไปทั่วโลก"
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับโอกาสของประเทศไทยในการเข้าร่วมงาน EXPO 2025 OSACA, KANSAI, JAPAN ในครั้งนี้ Medical and Wellness Tourism ของประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าทางเศรษฐกิจอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านล้านบาท สำหรับกลุ่ม Wellness Economy ซึ่งมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทย และเราคาดการณ์ว่าในระยะยาวมูลค่ารวมของตลาด Medical Tourism ของไทยจะสามารถแตะระดับ 2.2 ล้านล้านบาทภายในปี 2577
"การเข้าร่วมงาน EXPO 2025 ในครั้งนี้จึงเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน สร้างภาพลักษณ์และแสดงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางสุขภาพของโลก หรือ Medical and Wellness Hub ตรงนี้เราสามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยได้อย่างมหาศาล"
อย่างไรก็ตาม ผู้จัดงาน EXPO 2025 OSACA, KANSAI, JAPAN คาดการณ์ว่าจะมีผู้สนใจเข้าชมงานทั้งหมดประมาณ 28 ล้านคนจากทั่วโลก ขณะที่ไทยคาดการณ์ว่าจะมีผู้สนใจเข้าชมอาคารนิทรรศการไทยประมาณ 2 ล้านคนตลอดระยะเวลาการจัดงาน 184 วัน
อาคารนิทรรศการไทยในงาน EXPO 2025 OSACA, KANSAI, JAPAN ถือเป็นเวทีระดับโลกที่จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาลให้กับประเทศไทยในทุก ๆ ด้าน ประกอบด้วย การเผยแพร่และแสดงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางสุขภาพโลก Medical and Wellness Hub
การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยว และ Soft Power ด้านต่าง ๆ ของประเทศไทยแก่สายตาชาวญี่ปุ่นและชาวโลก โดยภาพรวมแล้วก็จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนและดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยด้วย