คุมธุรกิจลิสซิ่ง เช่าซื้อรถยนต์ ไม่หมู สคบ.ขอเวลาไล่เช็คดอกเบี้ยขาขึ้น

07 ก.ค. 2565 | 23:44 น.

โจทย์หิน คุมธุรกิจลิสซิ่ง เช่าซื้อรถยนต์ สคบ.ขอเวลาไล่เช็คดอกเบี้ยขาขึ้นอีกครั้ง หลังคณะอนุกรรมการศึกษาเรื่องนี้ยังหารือไม่สะเด็ดน้ำ รอถกกันใหม่อีกที วันที่ 21 กรกฎาคม 2565 นี้ จับตาเดินต่อยังไง หลังปมการคิดดอกเบี้ยยังไม่ได้ข้อสรุป

กรณีการคุมสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ รถจักรยาน ยนต์ รถแทรกเตอร์ และเครื่องจักรกลเกษตร ดูเหมือนว่าจะยังไม่สะเด็ดน้ำเอาง่าย ๆ หลังจาก สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โดยคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา ยังอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดของร่างข้อกฎหมาย

 

โดยออกเป็น (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์รถจักรยานยนต์รถแทรกเตอร์ และเครื่องจักรกลการเกษตร เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการดำเนินการภายใต้พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค 2522 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541

 

ประกอบกับมาตรา 3 มาตรา 4 และมาตรา 5 แห่ง พ.ร.ฎ.กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการกำหนดธุรกิจที่ควบคุมสัญญาและลักษณะสัญญา พ.ศ 2542 เพื่อให้ธุรกิจให้เช่าชื้อ (ลิสซิ่ง) เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา และดูแลผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญาเช่าซื้อ

 

ที่ผ่านมา สคบ. ได้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียไปแล้ว และนัดประชุมทั้งคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา คณะอนุกรรมการ และคณะทำงานที่เกี่ยวข้องไปหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 คณะอนุกรรมการศึกษา และพิจารณาจัดทำร่างสัญญา และเอกสารการรับเงิน ได้หารือถึงเรื่องนี้ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป

นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า คณะอนุกรรมการฯ ยังพิจารณารายละเอียดปลีกย่อยของร่างประกาศฉบับนี้ และจะหาข้อสรุปกันอีกครั้งในวันที่ 21 กรกฎาคม 2565 นี้ อีกครั้ง เมื่อได้ข้อสรุปจะนำร่างประเทศเสนอให้คณะกรรมการว่าด้วยสัญญา ของสคบ. เห็นชอบตามขั้นตอน ก่อนจะมีผลบังคับใช้ ซึ่งในเร็ว ๆ นี้ น่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้น

 

“ต้องยอมรับว่าเรื่องของร่างประกาศฉบับนี้ มีรายละเอียดค่อนข้างมาก และกระทบกับหลายส่วนทั้งภาคเอกชน และผู้บริโภค จึงจำเป็นต้องดูให้ครอบคลุมทั้งหมด อย่างเช่น เรื่องดอกเบี้ยรถจักรยานยนต์ หรือการคืนรถจบหนี้ ตรงนี้มีประเด็นปัญหาหลายอย่าง ทำให้ต้องดูความเห็นของทุกหน่วยงานอีกที” นายธสรณ์อัฑฒ์ ระบุ

 

ลุ้นสคบ.เคาะเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ 30%

 

แหล่งข่าวจาก สคบ. ระบุว่า ปมสำคัญของการออกประกาศฉบับนี้ มีข้อมูลสำคัญหลายอย่างที่ต้องทำให้เกิดความชัดเจน ทำให้ในการประชุมครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 จึงยังไม่มีข้อสรุป

 

แม้เดิมประเมินกันว่าการประชุมหนนี้จะเคาะรายละเอียดออกมาได้ทั้งหมด เพราะที่ผ่านมามีข้อมูลพอสมควรแล้ว แต่เพื่อให้เกิดความแน่ใจอีกครั้ง และป้องกันความผิดพลาด จึงขอกลับไปดูข้อมูลเพิ่มเติม เพราะประกาศฉบับนี้เป็นเรื่องใหญ่ เมื่อออกมาแล้ว หากตอบข้อสงสัยในบางประเด็นไม่ได้ ก็เสี่ยงที่จะทำให้เกิดปัญหาตามมา

 

แหล่งข่าว บอกอีกว่า ในการศึกษาข้อมูลด้านต่าง ๆ ที่ผ่านมา มีการหารือเป็นเวลาพอสมควรแล้ว แต่ก็กฎหมายก็มีความเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะกฎหมายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่ง ธปท. และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ก็อยู่ในคณะทำงานเรื่องนี้ เพื่อช่วยกันหาข้อมูล และวิเคราะห์ว่าการเก็บดอกเบี้ยแต่ละประเภทเป็นอย่างไร มีจำนวนที่เหมาะสมหรือไม่ 

อย่างไรก็ดีแม้เรื่องนี้คณะอนุกรรมการศึกษาฯ จะระบุว่า มีอำนาจการกำหนดอัตราดอกเบี้ย แต่ในการหารือร่วมกันก็มีข้อเสนอว่าจำเป็นต้องหารือกับผู้เชี่ยวชาญคือ ธปท. และสศค. ให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนก่อน จากนั้นจึงกำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ รถยนต์มือสอง หรือ เครื่องจักรกลทางการเกษตรให้เหมาะสม

 

แหล่งข่าว ระบุอีกว่า การคิดอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อ อาจต้องดูแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ของธปท. ประกอบกันด้วย โดยเฉพาะการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้นในอนาคต ดังนั้นการคิดอัตราดอกเบี้ยรอบนี้จึงต้องดูให้เกิดความสอดคล้องกัน

 

วิธีร้องเรียน ร้องทุกข์ สคบ. หากผู้บริโภคถูกหลอก ถูกโกง ถูกเอาเปรียบ ทำยังไง

 

“เดิมอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อ สคบ. เคยตั้งเป็นตุ๊กตาเอาไว้ว่าจะเก็บที่เท่าไหร่ ก่อนเอาไปเปิดรับฟังความคิดเห็น ซึ่งตอนนี้จะต้องปรับใหม่ทั้งหมด เพราะเดิมคิดขึ้นมาโดยที่ไม่มีข้อมูลรองรับชัดเจน แต่อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งปัจจุบัน กำหนดไว้ไม่ให้เกิน 15% แต่การเช่าซื้อเป็นอีกแบบที่ไม่ใช่กู้ยืมเงิน ดังนั้นการคิดตามดอกเบี้ยกู้ยืมเงินคงไม่ถูกต้อง” แหล่งข่าว ระบุ

 

นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องที่จำเป็นต้องติดตามแนวโน้มการออกกฎหมายใหม่ เพื่อควบคุมสถาบันการเงิน ของธปท. ซึ่งอาจจะรวมไปถึงเรื่องของดอกเบี้ยการเช่าซื้อด้วย กรณีนี้คงต้องดูความชัดเจนว่า หากมีกฎหมายฉบับนี้ของธปท. ออกมาแล้วจะเดินหน้าเรื่องประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องเช่าซื้อต่อไปยังไงอีกด้วย

 

ส่วนข้อเสนอของ 3 สมาคมฯ ทั้ง สมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย สมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว (รถมือสอง) และสมาคมธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ไทย ซึ่งเคยเสนอการคิดอัตราดอกเบี้ยเอาไว้เบื้องต้นส่งให้สคบ. ช่วยพิจารณา คือ สำหรับรถยนต์ใหม่ 15% ต่อปี รถยนต์ใช้แล้ว 20% ต่อปี และรถจักรยานยนต์หรือมอเตอร์ไซด์ 30% ต่อปี ล่าสุดก็ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะรับข้อเสนอตามนี้หรือไม่ 

 

เชื่อว่า กรณีนี้น่าจะกลายเป็นหนังม้วนยาว และคงต้องจับตาดูการเรียกประชุมคณะอนุกรรมการฯ สคบ. นัดต่อไปในวันที่ 21 กรกฎาคม 2565 นี้ จะหาทางออกอย่างไรกับโจทย์หินของการคุมธุรกิจลิสซิ่งเช่าซื้อรถยนต์