จากกรณี สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เตรียมหาแนวทางในการดูแลผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรมจากการโฆษณา โดยเฉพาะการโฆษณา ผ่าน YouTube กวนใจ เด้งขึ้นมาบ่อย ๆ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าสูงว่า อาจเป็นการทำผิดกฎหมายการคุ้มครองผู้บริโภค ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 เกี่ยวกับการโฆษณาสินค้า
ล่าสุด สคบ. เตรียมหารือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) เพื่อร่วมกันพิจารณาช่องทางในการดูแล โดยยอมรับว่า จะทำเกิดความเป็นธรรมกับผู้บริโภค และผู้ประกอบธุรกิจให้มากที่สุด โดยการบังคับชมโฆษณาผ่าน YouTube ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภคในการเสพสื่อต่าง ๆ
แม้ว่าการเข้าชมทาง YouTube จะเป็นช่องทางที่สะดวก และผู้บริโภคไม่ได้เสียเงินในการเข้าไปรับชมเนื้อหาต่าง ๆ บนแพลตฟอร์ม แต่การมีโฆษณาเข้ามาแทรก สคบ.ก็ยอมรับว่า จะต้องไม่ทำให้กระทบสิทธิของผู้บริโภค เกี่ยวกับความเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งขัดต่อกฎหมาย โดยอาจใช้วิธีการปัญหาในลักษณะเดียวกับการคุมโฆษณาทางทีวีเข้ามาพิจารณา
สำหรับการดำเนินงานให้การคุ้มครองผู้บริโภคในด้านโฆษณา ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522
มาตรา 22 ระบุว่า การโฆษณาจะต้องไม่ใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือใช้ข้อความที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม
ทั้งนี้ ไม่ว่าข้อความดังกล่าวนั้นจะเป็นข้อความที่เกี่ยวกับแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือลักษณะของสินค้าหรือบริการ ตลอดจนการส่งมอบ การจัดหา หรือการใช้สินค้าหรือบริการ
โดยข้อความดังต่อไปนี้ ถือว่าเป็นข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือเป็นข้อความที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม ดังนี้
ส่วนข้อความที่ใช้ในการโฆษณาที่บุคคลทั่วไปสามารถรู้ได้ว่าเป็นข้อความที่ไม่อาจเป็นความจริงได้โดยแน่แท้ ไม่เป็นข้อความที่ต้องห้ามในการโฆษณาตามที่เป็นเท็จหรือเกินความจริง
มาตรา 23 การโฆษณาจะต้องไม่กระทำด้วยวิธีการอันอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ร่างกายหรือจิตใจ หรืออันอาจก่อให้เกิดความรำคาญแก่ผู้บริโภค ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 27 ในกรณีที่คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณาเห็นว่าการโฆษณาใดฝ่าฝืนมาตรา 22 มาตรา 23 ให้คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณามีอำนาจออกคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างดังต่อไปนี้
อย่างไรก็ตามโดยในการออกคำสั่งตาม (4) ให้คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้บริโภคประกอบกับความสุจริตใจในการกระทำของผู้กระทำการโฆษณา
ในกรณีที่คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณามีคำสั่งตาม (4) และผู้ประกอบธุรกิจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณาอาจเข้าดำเนินการแทนผู้ประกอบธุรกิจ และให้ผู้ประกอบธุรกิจมีหน้าที่ชดใช้ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการแทนนั้น โดยให้บังคับตามบทบัญญัติเกี่ยวกับการบังคับทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง