นวัตกรรมแห่งวงการแฟชั่นครั้งแรกของเมืองไทย กับการผสมผสานความงามอย่างทรงคุณค่า สู่ผลงานหัตถศิลป์อันละเมียดละไม ร่วมสัมผัสมิติใหม่แห่งความเจิดจรัสยามราตรี ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ พลิกบทบาทผ้าไหมไทย นำเสนอผลงาน “กระเป๋าผ้าไหมทอผสมเปลือกหอยมุก” โชว์เอกลักษณ์แห่งความคลาสสิค ทันสมัย ใช้ได้จริง สะท้อนรสนิยมของคนรักงานศิลปะ พร้อมประกาศศักดาคุณค่าแห่งไทยสู่สายตาชาวโลก
ความเงางาม มันวาว สวมใส่สบาย จากกระบวนการอันพิถีพิถัน บอกเล่าเรื่องราวทางภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมา “ผ้าไหมไทย” จึงเป็นงานหัตศิลป์ที่ได้รับความนิยมในเมืองไทยและระดับสากล และปัจจุบันวงการแฟชั่นก็ได้นำผ้าไหมมาผสมผสานการดีไซน์ ก่อเกิดรูปแบบที่ทันสมัย เรื่องของผ้าไหม จึงไม่ได้จำกัดในกลุ่มคนดั้งเดิมหรือพบเห็นได้แค่ในงานพิธีสำคัญอีกต่อไป
ในวันนี้ การเดินทางของผ้าไหม มาถึงยุคที่ได้รับการประยุกต์และผสมผสาน เพื่อบอกเล่าเรื่องราวใหม่ๆ โดยในครั้งนี้ ถือเป็นอีกความภาคภูมิใจของวงการออกแบบแฟชั่นเมืองไทย จากดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่ ที่นำสองสุดยอดของดีเมืองไทยมาเติมแต่งไอเดียสร้างสรรค์ เกิดเป็นผลงาน “กระเป๋าจากผ้าไหมทอผสมเปลือกหอยมุก” โดย โปรตรอน-ภคพรหมณ์ สุขเกษม ที่หลายคนอาจจะรู้จักกันในนามของ ดีไซเนอร์ชุดแต่งงานแบรนด์ “TR” ที่โลดแล่นอยู่ในวงการแฟชั่นมาราว 7 ปี
โปรตรอน เล่าให้ฟังว่า “กระเป๋าจากผ้าไหมทอผสมเปลือกหอยมุก” ได้ริเริ่มการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าของ “เปลือกหอยมุก” มาตั้งแต่ต้นปี เป็นโครงการที่ร่วมมือกันระหว่าง กรมหม่อนไหม และ ภาควิชานวัตกรรมการออกแบบ วิทยาลัยอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในฐานะนักศึกษาระดับปริญญาโท ที่ชื่นชอบในงานผ้า จึงเป็นผู้ได้รับโจทย์นี้ในการศึกษาวิจัย ทั้งนี้ได้ใช้เปลือกหอยมุกจากบริษัทผู้ผลิตหน้าปัดนาฬิกาจากเปลือกหอยมุก ซึ่งมีเศษเปลือกหอยที่เหลือจากการผลิต เดิมทีเศษเปลือกหอยมุกเหล่านี้ จะถูกนำไปใช้ในการประดับตกแต่งเฟอร์นิเจอร์หรือภาชนะต่างๆ
“ด้วยความชอบงานผ้า ชอบความสวยงามของผ้า จึงอยากนำผ้าไหมมาพลิกโฉมใหม่ แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยการผสมผสานลวดลาย จากเปลือกหอยมุกจากอ่าวไทย ซึ่งเป็นหอยมุกที่มีคุณค่า ได้รับการยอมรับว่ามีความสวยงามมันวาว จึงนับเป็นการนำวัสดุจากธรรมชาติชั้นเลิศของเมืองไทยถึงสองอย่างมารวมกัน เพื่อเสริมความเจิดจรัส ผ่านศิลปะที่ทรงคุณค่าของชิ้นงาน”
ผ้าไหมทอผสมเปลือกหอยมุก เป็นการคิดค้นระหว่างดีไซเนอร์ ร่วมกับกลุ่มผู้ทอผ้าไหมบ้านคูบัว แหล่งทอผ้าซิ่นตีนจก จ.ราชบุรี โดยนำเปลือกหอยมุก ที่ผ่านกระบวนการตัดและขัดเงาด้วยเครื่องและมือ ก่อนจะได้ชิ้นเปลือกหอยมุกที่มีความขาวนวล เป็นประกายมันวาว สอดแทรกอยู่ในลวดลายของผ้า ซึ่งถือเป็นการทอผ้าแบบผสมผสานวัตถุดิบ ที่ไม่ใช่การปัก โดยดีไซเนอร์จะต้องทำการวางแผนออกแบบแพทเทิร์น กำหนดขนาดของเปลือกหอยมุก ออกแบบลวดลาย ก่อนจะที่ส่งต่องานทอให้กับช่างฝีมือ ก่อนจะได้ผ้าไหมทอผสมเปลือกหอยมุก มาเข้ากระบวนการตัดเย็บเป็นกระเป๋า โดยรวมแล้ว กระเป๋า 1 ใบ จะต้องใช้เวลาราว 2 เดือน
จึงถือเป็นผลงานที่เต็มไปด้วยความพิถีพิถัน ละเมียดละไมในทุกขั้นตอน ก่อนจะออกเป็นกระเป๋าจากผ้าไหมทอผสมเปลือกหอยมุก ที่งดงาม ทรงคุณค่า ด้วยนวัตกรรมที่ไม่เหมือนใคร ดีไซน์คลาสสิค ทันสมัย เป็นผลงานศิลปะที่ใช้ได้ในชีวิตจริง อีกทั้งยังส่งเสริมรายได้ของชุมชนตั้งแต่เกษตรกรผู้เลี้ยงไหม กลุ่มทอผ้าไหม และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเปลือกหอยมุกที่เหลือจากการใช้งาน ซึ่งเป็นส่วนที่ยังสวยงาม และมีคุณค่า
โปรตรอน อธิบายว่า ด้วยลักษณะเฉพาะตัวของผ้าไหมทอผสมเปลือกหอยมุก ที่มีความละเอียดอ่อน และไม่สามารถซักทำความสะอาดได้ สินค้าตัวแรกที่ได้ทำการออกแบบ จึงเป็นกระเป๋าจากผ้าไหมทอผสมเปลือกหอยมุก สำหรับใช้ในงานราตรี ปัจจุบันมี 2 คอลเล็คชั่น จำนวน 6 ใบ ประกอบด้วย 2 ลวดลายคือ ลายกราฟฟิก และ ลายงู โดยได้จัดแสดงในงาน “ตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตำนานไหมไทย” ประจำปี 2562, นิทรรศการวิทยานิพนธ์ “VISITORS ROOMS” โดยนิสิตปริญญาโท ภาควิชานวัตกรรมการออกแบบ วิทยาลัยอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ มศว. และ งาน Bangkok Gems & Jewelry Fair 2019 โดยได้เริ่มเปิดรับพรีออเดอร์ภายในงาน ราคาเฉลี่ยประมาณใบละ 30,000 บาท
“ในช่วงนี้กำลังศึกษาช่องทางการตลาด โดยมีความสนใจตลาดต่างประเทศอย่างตะวันออกกลาง รวมทั้งคนไทย ที่มีรสนิยมใช้สินค้าที่แตกต่างและทรงคุณค่า แต่ยังตั้งใจรักษาแบรนด์ให้เป็น ผลงานทางศิลปะที่ใช้ได้ในชีวิตจริง เพราะคุณค่าของสินค้ามาจากความพิถีพิถันมาก โดยต่อจากนี้ไปก็ยังคงมองหาลวดลายและรูปแบบใหม่ๆ เพื่อสร้างสรรค์ออกมาเป็นกระเป๋าจากผ้าไหมผสมเปลือกหอยมุก หนึ่งเดียวในเมืองไทย หากหน่วยงานไหนมีคำแนะนำอะไร ก็ยินดีครับ” โปรตรอน กล่าว