เคาะแล้ว“เราเที่ยวด้วยกัน”เฟส3 เปิดจองใช้สิทธิ์17พ.ค.นี้

26 เม.ย. 2564 | 07:45 น.
อัปเดตล่าสุด :27 เม.ย. 2564 | 09:27 น.

“เราเที่ยวด้วยกัน”เฟส3 ผู้ว่าททท.กำหนดเปิดให้จอง17พ.ค.นี้ ใช้สิทธิ์ห้องพัก 2 ล้านรูมไนท์ เพิ่มระบบสแกนใบหน้าป้องกันการทุจริต ให้เที่ยวข้ามจังหวัดเท่านั้น

หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก3 ส่งผลให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ได้ขยับเวลาการเปิดให้จองใช้สิทธิ์ “โครงการเราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 3 จากเดิมวางไว้ที่ 7 พฤษภาคม2564 ขยับมาเป็นวันที่ 17 พฤษภาคม2564

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ล่าสุดททท.กำหนดไว้ว่าโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส3" จะเปิดระบบให้ทำการจองที่พักที่เพิ่มขึ้นมาอีก 2 ล้านรูมไนท์ ให้ประชาชนเข้ามาจองใช้สิทธิ์ได้ในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ โดยในขณะนี้ททท.อยู่ระหว่างการเปิดให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้ามาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส3”ภายใต้เงื่อนไขใหม่

รวมทั้งมีการปรับปรุงระบบ ซึ่งธนาคารกรุงไทยเร่งดำเนินการอยู่ เพื่อให้สามารถเปิดลงทะเบียนได้ ส่วนการป้องกันการทุจริตหลักๆ มีเงื่อนไขเพิ่มเติมคือ ต้องแสกนใบหน้าในการใช้สิทธิผ่านแอพพลิเคชั่น จองล่วงหน้า 7 วัน ต้องจองเดินทางข้ามจังหวัด ไม่สามารถใช้เที่ยวในภูมิลำเนาได้ และปรับคูปอง ( อี-วอชเชอร์) เหลือ 600 บาทเท่ากันทั้งการใช้จ่ายในวันธรรมและวันหยุด อีกทั้งผู้ประกอบการจะต้องแจ้งราคาห้องพักและจำนวนห้องพักตามจริงก่อนเข้าสู่ระบบ

เคาะแล้ว“เราเที่ยวด้วยกัน”เฟส3 เปิดจองใช้สิทธิ์17พ.ค.นี้

"อย่างไรก็ตามแม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ แต่ททท.ยังมองเรื่องการกระตุ้นการเดินทางเที่ยวในประเทศเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย การเปิดโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน”เฟส 3 ในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ คาดว่านักท่องเที่ยวไทยน่าจะเริ่มทยอยเดินทางอีกครั้งในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมเป็นต้นไป"นายยุทธศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า โครงการ“เราเที่ยวด้วยกัน”เฟส3 ที่จะเปิดให้จองที่พักเพิ่มอีก 2 ล้านรูมไนท์ มีการปรับเงื่อนไขในหลายเรื่อง เพื่อป้องกันการทุจริตที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ที่เปิดให้จองใช้สิทธิ์ 6 ล้านรูมไนท์ก่อนหน้านี้ โดยจะให้จองเดินทางข้ามจังหวัดเท่านั้น ยกเลิกการเที่ยวภายในจังหวัดหรือภูมิลำเนา

“ที่ผ่านมาเราต้องต่อสู้อย่างมากเพื่อให้โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน”เฟส 3 ได้รับการอนุมัติจากครม. เพราะที่ผ่านมาการทุจริตที่เกิดขึ้น เกิดจากผู้ประกอบการบางส่วน คิดไม่ดี มักง่าย คิดว่ามีช่องว่างที่รัฐออกโครงการมา หารับประทานได้ทำกำไรได้ในเวลาสั้น แต่ไม่ถูกต้อง ทั้งๆที่โครงการนี้มีประโยชน์

ดังนั้นเราเที่ยวด้วยกันเฟส3 ที่จะเปิดให้จองใช้สิทธิ์ จะมีระบบที่ป้องกันการทุจริตที่จะมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นมามาก ทั้งการแสกนใบหน้า ส่วนคนที่ทำทุจริต นอกจากจะถูกแบ็คลิสต์ตั้งแต่กระทำผิดแล้ว ยังจะต้องถูกดำเนินคดีจนถึงที่สุดด้วย” นายพิพัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับเงื่อนไขใหม่ของการใช้สิทธิ์ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3" ประกอบไปด้วย

  • เพิ่มจำนวนสิทธิห้องพัก 2 ล้านคืน/รูมไนท์
  • เริ่มเปิดให้จองใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม-31 สิงหาคม2564
  • ต้องจองใช้สิทธิ์ล่วงหน้า 7 วัน เพื่อที่ทางธนาคารกรุงไทยจะส่งข้อมูลให้ททท. เพื่อที่จะได้เข้าไปตรวจสอบว่าการจองมีความผิดปกติหรือไม่
  • ผู้ประกอบการโรงแรมและที่พักที่เข้าร่วมโครงการ ต้องแจ้งจำนวนห้องพักที่มีทั้งหมด และราคาตามจริงให้ททท.รับทราบ เพื่อดำเนินการตรวจสอบ
  • ผู้ใช้สิทธิ์ “เราเที่ยวด้วยกัน”เฟส3 ต้องมีการแสกนใบหน้า เพื่อยืนยันตัวตน
  • กำหนดให้ต้องเดินทางแบบข้ามจังหวัดเท่านั้น  ยกเลิกการใช้สิทธิในภูมิลำเนา
  • ปรับมูลค่าE-Voucher ให้เหลือ 600 บาทต่อวัน เท่ากันทั้งวันธรรมดาและวันหยุด จากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 900 บาทในวันธรรมดา และ600 บาทในวันหยุด

จากข้อมูล ถึงวันที่ 21 เมษายน2564 “โครงการเราเที่ยวด้วยกัน”ทั้งเฟส1และเฟส2 มีคนเข้ามาลงทะเบียนแล้วรวม 8.80 ล้านคน ลงทะเบียนสำเร็จ 8.16 ล้านคน มีผู้ประกอบการลงทะเบียนทั้งหมด83,087 ราย (ณ วันที่ 11 เมษายน2564)เป็นโรงแรม 8,908 แห่ง ร้านอาหาร70,012ร้าน สถานที่ท่องเที่ยว 2,158 แห่ง OTOP 1,433 แห่ง สปา/นวด/ขนส่งเพื่อท่องเที่ยว576แห่ง

ส่วนการใช้สิทธิ์พบว่ามีสิทธิจองโรงแรมแล้ว 5,770,120 สิทธิ(จาก 6 ล้านสิทธิ์)มูลค่าห้องพักที่จองทั้งหมด15,175.1ล้านบาท จ่ายโดยประชาชน 9,352.2 ล้านบาท รัฐสนับสนุน 5,823 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยต่อห้องพักต่อคืนที่จอง 2,727 บาท จำนวนโรงแรมที่มีการจองทั้งสิ้น 5,795 แห่ง มีผู้ที่ได้รับคูปองอาหาร1,322,187 ราย ยอดการใช้จ่าย7,780 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายโดยประชาชน 4,764.1ล้านบาท ยอดใช้จ่ายผ่านคูปอง3,017.9ล้านบาท

ในส่วนของตั๋วเครื่องบิน มีผู้ลงทะเบียนได้รับสิทธิเงินคืนค่าบัตรโดยสารแล้ว 197,952 ราย จำนวนบุ๊กกิ้งผ่านการตรวจสอบ 281,060 บุ๊กกิ้ง จำนวนบัตรโดยสาร/ผู้โดยสารที่ได้รับสิทธิแล้ว 505,731 สิทธิ (จาก 2 ล้านสิทธิ) มูลค่าบัตรโดยสารที่ได้รับสิทธิ 1,360.75 ล้านบาท จ่ายโดยประชาชน 896.10 ล้านบาท รัฐบาลสนับสนุน 464.65 ล้านบาท

ข่าวเกี่ยวข้อง :