แนะวิธีเตรียมวัคซีน Moderna ให้มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด

22 พ.ย. 2564 | 10:00 น.
อัปเดตล่าสุด :22 พ.ย. 2564 | 17:16 น.

อาจารย์คณะเภสัชฯ จุฬาฯ แนะนำวิธีเตรียมวัคซีน Moderna เพื่อให้ผู้รับ ได้ประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด เผยแม้เป็น mRNA เหมือนไฟเซอร์ แต่ขั้นตอนต่างกัน

จากงานเสวนา Chula-Phama-Talk เรื่อง “การเตรียมวัคซีน Moderna” ที่คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ จัดขึ้นผศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ และ ผศ.ภญ.ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ได้ให้ข้อแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคการเตรียมวัคซีน Moderna สรุปได้ว่า การบริหารจัดการ ขนส่ง จัดเก็บ เตรียมยา จนถึงการฉีดวัคซีน Moderna ให้แก่ผู้รับบริการมีรายละเอียดที่ต้องระมัดระวังเพื่อคงคุณภาพของวัคซีนให้สมบูรณ์ที่สุดจนถึงผู้รับการฉีดวัคซีน 

แนะวิธีเตรียมวัคซีน Moderna ให้มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด

ที่สำคัญคือแม้จะเป็นวัคซีนชนิด mRNA เช่นเดียวกับของ Pfizer แต่รายละเอียดการขนส่งจนถึงการเตรียมยากลับแตกต่างกันหลายประเด็น ซึ่งเภสัชกร พยาบาล และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านี้โดยตรงจะต้องทราบข้อมูลอย่างละเอียด ดังนี้

​- วัคซีนชนิดนี้สามารถเก็บในตู้แช่แข็งที่อุณหภูมิ -25 ถึง -15 องศาเซลเซียสได้จนถึงวันหมดอายุที่ระบุไว้ข้างขวด ซึ่งมีช่วงเวลาประมาณ 7 เดือนนับจากวันผลิต

แนะวิธีเตรียมวัคซีน Moderna ให้มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด

โดยห้ามอยู่ในอุณหภูมิต่ำกว่า -50 องศาเซลเซียส และห้ามใช้น้ำแข็งแห้งในกระบวนการขนส่ง เมื่อเก็บวัคซีนในตู้เย็นธรรมดา (อุณหภูมิ 2 ถึง 8 องศาเซลเซียส) วัคซีนจะมีอายุ 30 วัน

​- วัคซีนอยู่ในรูปแบบยาแขวนตะกอนสีขาวถึงขาวขุ่น พร้อมใช้โดยไม่ต้องเจือจาง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นยาแขวนตะกอนซึ่งต้องทำให้กระจายตัวก่อนฉีด แต่ห้ามเขย่าวัคซีนโดยเด็ดขาดเพราะอาจทำให้วัคซีน mRNA เสื่อมสภาพ 

 

วิธีการทำให้วัคซีนกระจายตัวเข้ากันดีคือการหมุนวนขวดวัคซีนเบาๆ หรือ swirl วัคซีนบรรจุแบบ multiple dose vial 1 ขวด มี 5 มิลลิลิตร สามารถฉีดได้ 10 โดส และขวดที่เปิดแล้วอาจเก็บไว้รอ   การใช้เข็มต่อๆ ไปได้ประมาณ 12 ชั่วโมง(โดยเก็บที่อุณหภูมิ 2 ถึง 25 องศาเซลเซียส) แต่ก็ควรใช้ให้หมดภายในเวลาที่สั้นที่สุด เพราะวัคซีนไม่มีสารกันเสียที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่อาจปนเปื้อนเข้าไปในกระบวนการดูดยาแต่ละครั้ง

 

​บุคลากรที่เกี่ยวข้องต้องระมัดระวังในการดำเนินการ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้วัคซีนมีข้อสงสัยในคุณภาพ และทำให้มั่นใจได้ว่า วัคซีนที่ฉีดให้ประชาชนมีประสิทธิผลและความปลอดภัยสูงสุด