นายอเล็กซ์ น็อกซ์ รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์เครื่องกรองอากาศของ Dyson กล่าวว่า “ทีมวิศวกรของเราได้พัฒนาเซนเซอร์อัจฉริยะขึ้นมาจากประสบการณ์และการวิจัยอย่างหนักหน่วงและยาวนานในด้านเทคโนโลยีเพื่ออากาศที่สะอาด และด้วยอัลกอริทึมที่จะมาช่วยประมวลข้อมูลมลภาวะที่ตรวจจับได้ เทคโนโลยีอันนี้ทำให้เราสามารถตรวจสอบคุณภาพอากาศได้ทั้งภายในอาคาร นอกอาคาร หรือแม้แต่ขณะกำลังเดินทาง และที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือทั้งหมดนี้สามารถติดตั้งอยู่ในกระเป๋าเป้”
โดย Dyson Air Quality Backpack ได้นำเทคโนโลยีเซนเซอร์ในเครื่องฟอกอากาศของ Dyson มาพัฒนาและติดตั้งในกระเป๋าเป้ที่พกพาง่าย ทำให้สามารถวัดค่าคุณภาพอากาศได้ในขณะเดินทาง เพียบพร้อมด้วยแผงเซนเซอร์ แบตเตอรี่ และ ระบบ GPS โดยหวังว่าเทคโนโลยีนี้จะทำให้ได้ข้อมูลเรื่องการสัมผัสต่อมลภาวะในอากาศของแต่ละบุคคลและนำไปสู่วิธีการหลีกเลี่ยงการสัมผัสดังกล่าว
นอกจากนี้ นายพงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ คุณพ่อและดิจิทัลครีเอเตอร์ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร มาร่วมกระตุ้นการตระหนักรู้ในเรื่องสภาพมลภาวะทางอากาศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการระยะยาวของ Dyson ในการให้ความรู้แก่คนทั่วไปเกี่ยวกับคุณภาพของอากาศรวมถึงสนับสนุนให้ทุกคนหันมาดูแลและควบคุมการสัมผัสกับมลภาวะของตนเอง
ในระหว่างการสำรวจคุณภาพอากาศในกรุงเทพมหานคร คุณหนุ่ย พงศ์สุข สะพายกระเป๋า Dyson Air Quality Backpack ใน 2 ช่วงเวลา ช่วงแรกระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม ปี 2563 และอีกครั้งในเดือนมกราคมปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงฝุ่น PM2.5 หนาแน่นในกรุงเทพมหานคร โดยทั้งสองช่วงได้ใช้ชีวิตโดยมีพฤติกรรมเหมือนกันเพื่อนำมาเปรียบเทียบคุณภาพอากาศที่ได้รับ
“กรุงเทพมหานครจะเผชิญกับฝุ่นและหมอกควันในช่วงหน้าหนาวของทุกๆ ปี โดยที่ค่ามลพิษในอากาศสามารถเพิ่มสูงเกินระดับปลอดภัยไปได้มากถึง 2 เท่า ตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลกในฐานะของพ่อที่มีลูกสาวสองคนที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้งมากๆ ความสำคัญของคุณภาพอากาศที่ครอบครัวผมหายใจเข้าไปทำให้ผมตัดสินใจร่วมโปรเจกต์นี้กับ Dyson"
จากการเปรียบเทียบคุ
โดยในช่วงนี้ Dyson Air Quality Backpack สามารถวัดค่า PM2.5 ระหว่างที่คุณหนุ่
นอกจากนั้น กิจกรรมในแต่ละวันยังส่งผลต่
และถึงแม้ขณะที่ขับรถยนต์อยู่
ข้อมูลจากเครื่
โดยหนุ่ย พงศ์สุขได้กล่าวถึ
โดยปกติแล้วคุ
แม้ในช่วงนอนหลับ ค่ามลภาวะในอากาศก็ยังคงที่อยู่